
โครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 2565 เปิดลงทะเบียนรอบใหม่วันที่ 5 กันยายนนี้ ประชาชนกลุ่มเป้าหมายสามารถเช็กขั้นตอน จุดลงทะเบียน และเอกสารที่จำเป็นต้องใช้สำหรับการลงทะเบียนได้ที่นี่
กระทรวงการคลังเปิดลงทะเบียนโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ ปี 2565 ภายหลังคณะรัฐมนตรีอนุมัติโครงการ วงเงิน 5,336.8304 ล้านบาท เพื่อช่วยเหลือ เยียวยา และลดภาระค่าใช้จ่ายให้แก่กลุ่มผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐในช่วงที่ยังมีการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
โดยมีรายละเอียดที่สำคัญสำหรับประชาชนกลุ่มเป้าหมาย ดังนี้
คุณสมบัติผู้ลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 2565
- สัญชาติไทย
- มีอายุตั้งแต่ 18 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป
- ต้องไม่เป็น ภิกษุ/สามเณร/นักพรต/นักบวช/ผู้ต้องขัง/ผู้ถูกกักกัน/ผู้ต้องกักขัง/บุคคลที่อยู่ในสถานสงเคราะห์ฯ/ข้าราชการ/พนักงานราชการ/พนักงาน/ลูกจ้าง/เจ้าหน้าที่/ผู้ปฏิบัติงานในหน่วยงานรัฐ/ผู้รับบำเหน็จรายเดือน/ผู้รับบำนาญปกติหรือเบี้ยหวัดจากส่วนราชการ/ข้าราชการการเมือง/ส.ส./ส.ว.
- บุคคล รายได้ต่อปีไม่เกิน 100,000 บาท และครอบครัวมีรายได้เฉลี่ยต่อคนต่อปีไม่เกิน 100,000 บาท
- ทรัพย์สินทางการเงิน ได้แก่ เงินฝาก สลาก พันธบัตร และตราสารหนี้ภาครัฐ (บุคคล : ทรัพย์สินทางการเงินต่อปีไม่เกิน 100,000 บาท และครอบครัว : ทรัพย์สินทางการเงินเฉลี่ยต่อคนต่อปีไม่เกิน 100,000 บาท)
- ไม่มีวงเงินกู้ หรือมีวงเงินกู้ ณ เวลาใดเวลาหนึ่ง แต่ไม่เกินหลักเกณฑ์ (วงเงินกู้บ้าน น้อยกว่าหรือเท่ากับ 1.5 ล้านบาท, วงเงินกู้รถ น้อยกว่าหรือเท่ากับ 1 ล้านบาท)
- ต้องไม่มีบัตรเครดิต
- ไม่มีกรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์ หรือมีกรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์ ณ เวลาใดเวลาหนึ่ง จะต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไข ดังนี้
กรณีผู้ลงทะเบียนไม่มีครอบครัว
- ห้องชุด น้อยกว่าหรือเท่ากับ 35 ตารางเมตร
- ที่ดินแยกจากที่อยู่อาศัย แบ่งเป็น 2 กรณี ได้แก่ ในกรณีที่ใช้ประโยชน์ที่ดินเพื่อการอื่น ที่ไม่ใช่เพื่อการเกษตรน้อยกว่าหรือเท่า 1 ไร่ และในกรณีที่ใช้ประโยชน์จากที่ดินเพื่อการเกษตร น้อยกว่าหรือเท่ากับ 10 ไร่
- ที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง (บ้านพร้อมที่ดิน) ได้แก่ บ้านเดี่ยว ทาวน์เฮาส์ ห้องแถว และตึกแถว น้อยกว่าหรือเท่ากับ 25 ตารางวา, ใช้อยู่อาศัยและใช้ประโยชน์จากที่ดินเพื่อการเกษตร น้อยกว่าหรือเท่ากับ 10 ไร่ หรือในกรณีที่ใช้ประโยชน์ที่ดินเพื่อการอื่นที่ไม่ใช่เพื่อการเกษตร น้อยกว่าหรือเท่ากับ 1 ไร่
โดยจะต้องมีขนาดพื้นที่รวมกันทั้งหมด
- เพื่อการเกษตร น้อยกว่าหรือเท่ากับ 10 ไร่
- ไม่ใช่เพื่อการเกษตร น้อยกว่าหรือเท่ากับ 1 ไร่
กรณีผู้ลงทะเบียนมีครอบครัว
- ห้องชุด
- กรณีเป็นเจ้าของแยกจากกัน น้อยกว่าหรือเท่ากับ 35 ตารางเมตรต่อคน
- กรณีเป็นเจ้าของร่วมกัน น้อยกว่าหรือเท่ากับ 35 ตารางเมตร
- ที่ดินแยกจากที่อยู่อาศัย
- ในกรณีที่ใช้ประโยชน์ที่ดินเพื่อการอื่นที่ไม่ใช่เพื่อการเกษตร น้อยกว่าหรือเท่ากับ 2 ไร่
- ในกรณีที่ใช้ประโยชน์ที่ดินเพื่อการเกษตร น้อยกว่าหรือเท่ากับ 20 ไร่
- ที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง (บ้านพร้อมที่ดิน)
1.บ้านเดี่ยว ทาวน์เฮาส์ ห้องแถว และตึกแถว
- กรณีเป็นเจ้าของแยกจากกัน น้อยกว่าหรือเท่ากับ 25 ตารางวาต่อคน
- กรณีเป็นเจ้าของร่วมกัน น้อยกว่าหรือเท่ากับ 25 ตารางวา
2.ใช้อยู่อาศัยและใช้ประโยชน์จากที่ดิน
- เพื่อการเกษตร น้อยกว่าหรือเท่ากับ 20 ไร่
- หรือในกรณีที่ใช้ประโยชน์ที่ดินเพื่อการอื่นที่ไม่ใช่เพื่อการเกษตร น้อยกว่าหรือเท่ากับ 2 ไร่
ทั้งนี้ จะต้องมีขนาดพื้นที่รวมกันทั้งหมด
- เพื่อการเกษตร น้อยกว่าหรือเท่ากับ 20 ไร่
- ไม่ใช่เพื่อการเกษตร น้อยกว่าหรือเท่ากับ 2 ไร่
หมายเหตุ – การตรวจสอบสิทธิของผู้ลงทะเบียน ขั้นตอนแรกจะมีการตรวจสอบคุณสมบัติของผู้ลงทะเบียนตามคุณสมบัติที่กำหนดไว้ (เกณฑ์บุคคล) หากผู้ลงทะเบียนผ่านการตรวจสอบตามเกณฑ์บุคคลโดยมีคุณสมบัติตามที่กำหนดไว้ จะมีการตรวจสอบคุณสมบัติตามเกณฑ์ครอบครัว (ถ้ามี) ในขั้นตอนต่อไป
ลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 2565 เมื่อไร ?
เปิดลงทะเบียนวันแรกวันจันทร์ที่ 5 กันยายน 2565 ถึงวันพุธที่ 19 ตุลาคม 2565
ระยะเวลาการใช้จ่าย
คาดว่าจะสามารถเริ่มใช้จ่ายได้ช่วงมกราคม 2566
ลงทะเบียนใหม่ทุกคน
การลงทะเบียนโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ปี 2565 ในครั้งนี้ จะเป็นการลงทะเบียนใหม่ทั้งหมด ดังนั้น ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐในปัจจุบัน และผู้ที่ไม่เคยมีบัตร จะต้องลงทะเบียนใหม่ทุก vคน โดยสามารถใช้บัตรประชาชนในการรับสิทธิสวัสดิการแห่งรัฐ
ลงทะเบียน บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ได้ที่ไหนบ้าง ?
หน่วยงานรับลงทะเบียน 7 หน่วยงาน
- สาขาของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.)
- สาขาธนาคารออมสิน
- สาขาธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน)
- สำนักงานคลังจังหวัดทั้ง 76 จังหวัดทั่วประเทศ
- สังกัดกรมบัญชีกลาง ที่ว่าการอำเภอทั้ง 878 อำเภอทั่วประเทศ
- ภายใต้กระทรวงมหาดไทย สำนักงานเขตกรุงเทพมหานครทั้ง 50 เขต
- ศาลาว่าการเมืองพัทยา เมืองพัทยา
- กรณีผู้ลงทะเบียนไม่มีครอบครัว
ต้องนำเอกสารไปยื่นที่หน่วยรับลงทะเบียน- แบบฟอร์มลงทะเบียน
- บัตรประจำตัวประชาชน (ผู้ลงทะเบียน)
- กรณีผู้ลงทะเบียนมีครอบครัว
ต้องนำเอกสารไปยื่นที่หน่วยรับลงทะเบียน- แบบฟอร์มลงทะเบียน
- สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน (คู่สมรส) พร้อมลงลายมือชื่อ
- บัตรประจำตัวประชาชน (ผู้ลงทะเบียน)
- สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน (บุตร) หรือสำเนาสูติบัตร พร้อมลงลายมือชื่อกรณีที่คู่สมรสและบุตรของผู้ลงทะเบียนเดินทางมาแสดงตัวที่หน่วยรับลงทะเบียน พร้อมแสดงบัตรประจำตัวประชาชน ไม่ต้องใช้สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน
3. ผู้พิการ ผู้ป่วยติดเตียง หรือผู้สูงอายุที่ไม่สามารถเดินทางมาลงทะเบียนได้ด้วยตนเอง
สามารถมอบอำนาจให้บุคคลอื่นมาลงทะเบียนแทนได้ โดยใช้เอกสาร ดังนี้
- แบบฟอร์มลงทะเบียน
- สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน (คู่สมรส) พร้อมลงลายมือชื่อ
- บัตรประจำตัวประชาชน (ผู้ลงทะเบียน)
- สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน (บุตร) หรือสำเนาสูติบัตร พร้อมลงลายมือชื่อเอกสารสำหรับการมอบอำนาจ
- หนังสือมอบอำนาจ (ดาวน์โหลดได้ที่เว็บไซต์โครงการ)
- บัตรประจำตัวประชาชน (ผู้ได้รับมอบอำนาจ)
- สำเนาบัตรประจำตัวคนพิการ (ถ้ามี)
- ใบรับรองแพทย์ (ถ้ามี)
การลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐทางออนไลน์
- ลงทะเบียนผ่านทาง https://บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ.mof.go.th
- หรือ https://welfare.mof.go.th
- กรณีผู้ลงทะเบียนไม่มีครอบครัว
- ไม่ต้องยื่นเอกสารที่หน่วยรับลงทะเบียน กรอกข้อมูลผ่านเว็บไซต์เท่านั้น
- ตรวจสอบสถานะการลงทะเบียนต้องแสดงข้อความ “กระทรวงการคลังได้รับข้อมูลการลงทะเบียนของท่านครบถ้วนแล้ว”
- กรณีผู้ลงทะเบียนมีครอบครัว
ต้องนำเอกสารไปยื่นที่หน่วยรับลงทะเบียน (เลือกหน่วยรับลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์)- แบบฟอร์มลงทะเบียน
- สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน (คู่สมรส) พร้อมลงลายมือชื่อ
- บัตรประจำตัวประชาชน (ผู้ลงทะเบียน)
- สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน (บุตร) หรือสำเนาสูติบัตร พร้อมลงลายมือชื่อกรณีที่คู่สมรสและบุตรของผู้ลงทะเบียนเดินทางมาแสดงตัวที่หน่วยรับลงทะเบียน พร้อมแสดงบัตรประจำตัวประชาชน ไม่ต้องใช้สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน
ทั้งนี้ เมื่อลงทะเบียนตามขั้นตอนเสร็จสมบูรณ์แล้วระบบจะแสดงข้อความว่า
“กระทรวงการคลังได้รับข้อมูลการลงทะเบียนของท่านครบถ้วนแล้ว” ขอให้ผู้ลงทะเบียนเข้ามาตรวจสอบสถานะการลงทะเบียน ผ่านเว็บไซต์อีกครั้ง โดยกดปุ่ม “ตรวจสอบสถานะการลงทะเบียน” ซึ่งจะทราบผลการลงทะเบียนในวันศุกร์ของสัปดาห์ถัดไป
ดาวโหลดเอกสารโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ
- แบบฟอร์มโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ ปี 2565
- หนังสือมอบอำนาจสำหรับผู้พิการ ผู้ป่วยติดเตียง หรือผู้สูงอายุ
เช็กสิทธิบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ล่าสุด
ผู้ถือบัตรที่จะได้รับเงินทุกวันที่ 1 ของเดือน (ไม่สามารถถอนเป็นเงินสดได้ และไม่สะสมในเดือนถัดไป) ประกอบด้วย
• วงเงินซื้อสินค้า 200 บาท/เดือน ในกลุ่มที่มีรายได้เกิน 30,000 บาท
• วงเงินซื้อสินค้า 300 บาท/เดือน ในกลุ่มที่มีรายได้ไม่เกิน 30,000 บาท
• วงเงินซื้อสินค้าตามมาตรการเพิ่มกำลังซื้อ เดือนละ 200 บาท ตั้งแต่เดือนกันยายน-ตุลาคม 2565
• ส่วนลดค่าซื้อก๊าซหุงต้ม 100 บาทต่อ 3 เดือน ตั้งแต่เดือนเมษายน-มิถุนายน 2565
• ค่าใช้จ่ายในการเดินทาง ประกอบด้วย ค่าโดยสารรถ บขส. 500 บาท/เดือน ค่าโดยสารรถไฟ 500 บาท/เดือน ค่าโดยสารรถไฟฟ้า (MRT/BTS/ARL) และ ขสมก. 500 บาทต่อเดือน
ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป จะได้รับเงินสงเคราะห์เพื่อการยังชีพเพิ่มเติม ทุกวันที่ 15 ของเดือน ตั้งแต่เดือนเมษายน-กันยายน 2565 โดยมีรายละเอียด ดังนี้
• ผู้สูงอายุที่มีรายได้ 0-30,000 บาทต่อปี ได้รับเงินช่วยเหลือ เดือนละ 100 บาท
• ผู้สูงอายุที่มีรายได้ 30,001-100,000 บาทต่อปี ได้รับเงินช่วยเหลือ เดือนละ 50 บาท
เงินส่วนนี้สามารถใช้ชำระค่าสินค้าหรือบริการผ่านเครื่องรับชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์ (เครื่อง EDC) หรือแอปถุงเงินประชารัฐ ที่ร้านธงฟ้าราคาประหยัดพัฒนาเศรษฐกิจท้องถิ่น หรือร้านค้าประชารัฐของกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง และสามารถถอนเป็นเงินสดได้ที่ตู้ ATM ของธนาคารกรุงไทย หรือสาขาของธนาคารกรุงไทย
ผู้ถือบัตรที่จะได้รับเงินทุกวันที่ 18 ของเดือน (สามารถถอนเป็นเงินสดได้ และสะสมในเดือนถัดไปได้) ประกอบด้วย
• เงินคืนค่าไฟฟ้า ไม่เกิน 315 บาทต่อครัวเรือน/เดือน (สำหรับผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 315 บาทต่อเดือน) หรือใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 50 หน่วย/เดือน
• เงินคืนค่าน้ำประปา ไม่เกิน 100 บาทต่อครัวเรือน/เดือน (สำหรับผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ที่ใช้น้ำประปาไม่เกิน 315 บาท/เดือน จะได้รับเงินคืนค่าน้ำประปาไม่เกิน 100 บาท ส่วนที่เกินจาก 100 บาท ผู้ถือบัตรเป็นผู้ชำระเอง)
ผู้ถือบัตรที่จะได้รับเงินทุกวันที่ 22 ของเดือน (สามารถถอนเป็นเงินสดได้ และสะสมในเดือนถัดไปได้) ประกอบด้วย
• เงินเพิ่มเบี้ยความพิการ 200 บาทต่อเดือน (สำหรับผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ที่มีบัตรประจำตัวคนพิการและได้รับเงินเบี้ยความพิการ) โดยจะได้รับตั้งแต่เดือนตุลาคม 2563-กันยายน 2565
“ผู้มีสิทธิสามารถติดตามข่าวสารของกรมบัญชีกลางได้จากช่องทางต่าง ๆ ของกรมบัญชีกลาง เช่น Facebook YouTube Instagram Twitter และ CGD Application หรือโทรศัพท์สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ Call Center ศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 0-2109-2345 และ Call Center กรมบัญชีกลาง 0-2270- 6400 ในวัน เวลาราชการ”
อ่านข่าวเกี่ยวข้อง