หุ้น INGRS หรือ บมจ.อิงเกรส อินดัสเตรียล (ไทยแลนด์) เป็นอีกหุ้นที่มีบริษัทแม่เป็นสัญชาติมาเลเซีย โดยทำธุรกิจผลิตและจำหน่ายชิ้นส่วนรถยนต์ทั้งในประเทศไทย มาเลเซีย อินโดนีเซีย และอินเดีย โดยหุ้น INGRS เพิ่งเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) เมื่อช่วงเดือน ส.ค.ปี 2560 ที่ผ่านมา
เมื่อเร็ว ๆ นี้ “อิงเกรส” ได้นำทีมสื่อมวลชนไทยเดินทางเยี่ยมชมโรงงานผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ ณ ประเทศมาเลเซีย ซึ่งถือเป็นสื่อไทยกลุ่มแรกในประวัติศาสตร์ที่ได้รับอนุญาตให้เข้าชมทุกซอกทุกมุมของโรงงานผลิต ท่ามกลางการต้อนรับอย่างอบอุ่น นำทีมโดยผู้บริหารระดับสูงได้แก่ “ดาโต๊ะ ดร.ราเมลี บิน มูซา” รองประธาน และ “ดาโต๊ะ ดร.เอบี วาฮับ บิน อิสมาอีล” กรรมการ รวมถึงนายอับดุล ราฮิม บิน ฮายี ฮิตัม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) ของบริษัท
- เรือสิงคโปร์ชนสะพานในสหรัฐ มีประวัติไม่ดีมาก่อน เรารู้อะไรแล้วบ้างตอนนี้ ?
- ราคาทองวันนี้ (29 มี.ค. 67) พุ่งกระฉูด 600 บาท ทองรูปพรรณบาทละ 39,050 บาท
- เลิกอุ้มดีเซล 30 บาท จ่อขยับเพดานราคา 2 บาท มีผล 1 เมษายน 2567
โดยผู้บริหารระดับสูงได้นำทีมงานของ “อิงเกรส” ร่วมให้ข้อมูลอย่างเป็นกันเอง โดยกล่าวถึงในส่วนของแนวโน้มผลดำเนินงานของบริษัทว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานในปี 2561 (ก.พ. 2561-ม.ค. 2562) จะพลิกฟื้นกลับมาดีขึ้น หลังจากที่คาดว่า ผลดำเนินงานของงบฯปี 2560 (เดือน ก.พ. 2560-ม.ค. 2561) ที่กำลังจะปิดในสิ้นเดือน ม.ค.นี้ น่าจะออกมาใกล้เคียงกับปี 2559 (เดือน ก.พ. 2559-ม.ค. 2560) ที่ทำได้ 3,058 ล้านบาท
“เรายอมรับว่าผลดำเนินงานปี 2560 อาจใกล้เคียงกับปี 2559 หลังจากได้รับผลกระทบจากลูกค้าหลักในมาเลเซีย อย่างค่ายผู้ผลิตรถยนต์ Perodua อยู่ในช่วงเปลี่ยนโมเดล ขณะที่ค่ายโปรตอน (Proton) ก็มีการเปลี่ยนพาร์ตเนอร์ใหม่จากประเทศจีนเข้ามา ซึ่งคาดว่าอาจต้องใช้เวลาในการปรับเปลี่ยนโมเดลใหม่ ซึ่งบริษัทคาดว่าจะได้รับคำสั่งซื้ออย่างชัดเจนมากขึ้นในปี 2561-2562” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกล่าว
สำหรับแนวโน้มผลดำเนินงานปี 2561 ที่ว่าจะพลิกฟื้นดีขึ้น เนื่องจากรายได้ในส่วนของโรงงานในประเทศไทยและอินโดนีเซียมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มมากขึ้น รวมถึงจะมีการรับรู้รายได้เต็มปีจำนวนกว่า 300 ล้านบาทจากโรงงานที่อินเดีย หลังจากช่วงที่ผ่านมาบริษัทได้เพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นเป็น 100% จากเดิมถือ 40%
ขณะที่บริษัทจะมีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นเป็น 75% จากปีก่อนที่อยู่ระดับ 60% เนื่องจากปัจจุบันบริษัทได้รับคำสั่งซื้อใหม่ของแต่ละค่ายรถยนต์ อาทิ 1.โมเดล Perodua New Myvi ในมาเลเซีย 2.Honda New CR-V ในไทยและมาเลเซีย 3.Navara Spain ในไทย และ 4.Mitsubishi X-Pander ในอินโดนีเซีย นอกจากนี้ในปี 2561-2562 ยังได้รับคำสั่งซื้อใหม่อีก 1,115 ล้านบาท ภายในระยะเวลา 5 ปี
ส่วนด้านการลงทุนของอิงเกรสในปีนี้ จะล้อไปกับแผนยุทธศาสตร์ 5 ปีข้างหน้า (ปี 2561-2565) ที่จะกระจายการลงทุนประเทศหลัก ๆ ให้ครอบคลุมทั่วภูมิภาคอาเซียน ภายใต้ความเชื่อมั่นว่าเทรนด์การผลิตรถยนต์ในภูมิภาคนี้จะเพิ่มมากขึ้นทุกปี จึงเตรียมแผนการขยายการลงทุนอย่างต่อเนื่อง
โดยปีนี้เป็นปีแรกของแผนยุทธศาสตร์ที่วางไว้ คือ บริษัทมีแผนการลงทุนในมาเลเซียอีกกว่า 1,200 ล้านบาท และจะเข้าลงทุนต่อไปยังโรงงานในอินเดียอีก 600 ล้านบาทภายใน 2 ปีข้างหน้า รวมถึงกำลังอยู่ระหว่างการศึกษาโครงการและเจรจากับพันธมิตร (ซึ่งเป็นค่ายรถยนต์จากประเทศเกาหลี) เพื่อเข้าลงทุนในประเทศเวียดนามเพิ่มเติมอีก 1 ประเทศด้วย
ผู้บริหารมีความคาดหวังว่า การกระจายการลงทุนออกไปในหลายประเทศจะช่วยสร้างโอกาสการเติบโตของบริษัทได้ในอนาคต เพราะบริษัทค่ายรถยนต์ต่าง ๆ มักกระจายวอลุ่มการผลิตออกไปหลายประเทศเพื่อกระจายความเสี่ยง
ผู้ถือหุ้น INGRS คงต้องจับตาทิศทางธุรกิจ “อิงเกรส” จะได้ฤดูเก็บเกี่ยวดอกผลตามเป้าหมายอย่างไร ขณะที่ราคาหุ้น INGRS ล่าสุด (15 ม.ค. 61) อยู่ที่ 1.13 บาท