“อาคม” ชงครม. ขันนอตเบิกจ่ายงบปี’66

เบิกจ่ายงบปี’66

คลังชง ครม.ขันนอตเร่งเบิกจ่ายงบประมาณปี’66 กว่า 3.18 ล้านล้านบาท “อาคม” เข้มต้องกระจายเบิกจ่ายทั้ง 4 ไตรมาส ไม่ไปกองไว้ปลายปี เพิ่มมาตรการเข้มกันเงินไว้เบิกเหลื่อมปี ต้องเบิกภายในไม่เกินสิ้น มี.ค. 2566 จากเดิมไม่ตีกรอบเวลา ทำเบิกจ่ายอืด ลั่นต้องอัดฉีดเม็ดเงินลงระบบเศรษฐกิจตั้งแต่ 2 ไตรมาสแรก

นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง เปิดเผยว่า แผนการเร่งรัดเบิกจ่ายงบประมาณในปีงบประมาณ 2566 ที่มีวงเงินทั้งสิ้น 3.185 ล้านล้านบาท เป็นรายจ่ายลงทุน 6.95 แสนล้านบาทนั้น คลังจะเข้มงวดในการกระจายเม็ดเงินการเบิกจ่ายงบประมาณลงสู่ระบบเศรษฐกิจ ทั้ง 4 ไตรมาส

เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาการไปเร่งเบิกจ่ายงบประมาณในไตรมาสสุดท้าย แล้วพอเบิกจ่ายไม่ทัน ก็จะต้องกันเงินไว้เบิกเหลื่อมปี หรือไปเบิกจ่ายในปีถัดไปแทน อย่างไรก็ดี ที่ผ่านมาก็พบว่ามีโครงการที่กันเงินไว้เบิกเหลื่อมปีไม่ทัน ทำให้ถูกพับโครงการไปเป็นหลักหมื่นล้านบาทแทบทุกปี

โดยต่อไปนี้จะเข้มงวดโครงการที่ค้างมาจากการกันเงินไว้เบิกเหลื่อมปีมากขึ้น โดยหากไม่มีการเบิกจ่ายภายในไตรมาส 2 ของปีงบประมาณ 2566 หรือภายในเดือน มี.ค. 2566 งบประมาณจะถูกพับไป

จากที่ผ่านมาไม่ได้กำหนดเกณฑ์ในเรื่องดังกล่าว หน่วยงานสามารถกันเงินไว้เบิกเหลื่อมปีได้ตลอด โดยไม่ได้กำหนดระยะเวลาในการเบิกจ่าย ซึ่งมีผลต่อเม็ดเงินที่จะลงสู่ระบบเศรษฐกิจ

“ทุกปีก็มีการกันเงินเอาไว้เบิกเหลื่อมปี เพราะเบิกจ่ายงบฯไม่ทัน แล้วก็ไปเบิกจ่ายเงินในปีงบประมาณหน้า ซึ่งเราพยายามจะลดส่วนนี้ลง แล้วก็มีกรณีที่หน่วยงานกันเงินไม่ทัน เงินก็ตกเข้าคลังไป ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเสียดาย เพราะงบประมาณอนุมัติให้ไปแล้ว

แต่ทำไม่ทัน ก็เสียโอกาสสำหรับหน่วยงานอื่นที่มีความพร้อม เราจึงกำชับให้เข้มงวดมากขึ้น ทั้งส่วนราชการ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ต้องกันเงินให้ทัน หากทำไม่ทันจะไม่สามารถกลับมาอุทธรณ์ได้” นายอาคมกล่าว

นายอาคมกล่าวว่า ที่ผ่านมาได้มีการอำนวยความสะดวกให้กระบวนการเบิกจ่ายสามารถดำเนินการได้อย่างต่อเนื่อง โดยให้หน่วยงานต่าง ๆ เตรียมความพร้อมรายละเอียดโครงการไว้ก่อน ซึ่งเมื่อกฎหมายงบประมาณปี 2566 ลงประกาศราชกิจจานุเบกษา และเริ่มใช้ในวันที่ 1 ต.ค. 2565 แล้ว ก็สามารถลงนามในสัญญาเดินหน้าโครงการได้ทันที ซึ่งส่วนใหญ่โครงการที่เตรียมความพร้อมได้เร็ว

จะเป็นโครงการขนาดเล็ก เช่น โครงการซ่อมแซมถนน เป็นต้น ฉะนั้น เงินส่วนหนึ่งที่จะมีการเบิกจ่ายลงสู่ระบบเศรษฐกิจในช่วงไตรมาสแรกของปีงบประมาณ 2566 ก็มาจากโครงการขนาดเล็ก

“ช่วงไตรมาส 1 จะมีการเบิกจ่ายงบประมาณ ส่วนหนึ่งมาจากโครงการที่ค้างจากปีงบประมาณ 2565 โดยผู้ที่กันเงินไว้เบิกเหลื่อมปีสำเร็จ จะเอามาเบิกจ่ายในไตรมาสแรก ส่วนโครงการใหม่ส่วนใหญ่ จะเป็นพวกโครงการขนาดเล็กที่สามารถดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างได้เร็ว ซึ่งจะเป็นอีกหนึ่งช่องทางในการสนับสนุนเม็ดเงินลงสู่ระบบเศรษฐกิจ” นายอาคมกล่าว

นางสาวกุลยา ตันติเตมิท อธิบดีกรมบัญชีกลาง กล่าวว่า คาดว่าสัปดาห์หน้า กระทรวงการคลังจะเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติมาตรการเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณในปี 2566 เพื่อเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณให้เป็นไปตามแผน และสนับสนุนเม็ดเงินลงสู่ระบบเศรษฐกิจ

“ในปีงบประมาณ 2565 กรมบัญชีกลางก็ได้มีการติดตามและเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณอย่างใกล้ชิด ซึ่งผลการเบิกจ่ายล่าสุดในเดือน ส.ค. 2565 ยังเป็นไปตามแผน และคาดว่าทั้งปีงบประมาณ 2565 จะสามารถเบิกจ่ายงบประมาณได้ตามเป้าหมาย”

รายงานข่าวจากกรมบัญชีกลางเปิดเผยว่า ผลการเบิกจ่ายงบประมาณปี 2565 ล่าสุด ณ 16 ก.ย. 2565 ภาพรวมเบิกจ่ายแล้ว 2.79 ล้านล้านบาท คิดเป็น 90.27% จากงบประมาณรายจ่าย 3.1 ล้านล้านบาท

แบ่งเป็น รายจ่ายประจำ 2.4 ล้านล้านบาท คิดเป็น 96.47%, รายจ่ายลงทุน 3.82 แสนล้านบาท คิดเป็น 64.21% และรายจ่ายงบฯลงทุนกรณีไม่รวมงบฯกลาง เบิกจ่ายแล้ว 3.78 แสนล้านบาท คิดเป็น 69.35% ขณะที่เงินกันไว้เบิกเหลื่อมปี เบิกจ่ายแล้ว 1.93 แสนล้านบาท คิดเป็น 81.82% จากวงเงินทั้งหมด 2.36 แสนล้านบาท