ท่องเที่ยวไทยฟื้น ส่งโมเมนตัมตลาดหุ้นไทย

นักท่องเที่ยว

เราเริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัวของภาคท่องเที่ยวในอัตราเร่งในช่วงครึ่งปีแรก ซึ่งสะท้อนการเริ่มมีกระแสเงินสดของภาคธุรกิจที่มากขึ้น และยังช่วยผ่อนคลายภาระหนี้ที่ซมพิษในช่วงโควิด-19 มานานกว่า 2 ปี

วันนี้ Prachachat Wealth ได้มีโอกาสร่วมพูดคุยกับคุณธีระพล อุดมเวศย์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ ที่ปรึกษาการลงทุน เอฟ เอส เอส อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ที่จะมาฉายภาพเทรนด์การท่องเที่ยวรับไฮซีซั่นต่อเนื่องถึงปีหน้า ที่เป็นจุดขายของตลาดหุ้นไทย ว่าจะทำได้ดีแค่ไหน ไปร่วมรับชมรับฟังกันเลยครับ

Q: ถ้าดูโมเมนตัมตัวรายได้-กำไรของหุ้นท่องเที่ยวและเปิดเมืองเปิดประเทศ มองเซนติเมนต์รับอานิสงส์ตรงนี้อย่างไรบ้าง

นายธีระพลเปิดเผยว่า โมเมนตัมในครึ่งปีหลังน่าจะต้องดีขึ้นกว่าครึ่งปีแรกแน่นอนนะครับ ถ้าเรามาดูตัวเลขครึ่งปีแรกช่วงการฟื้นตัวอยู่ที่ราว ๆ 30-40% ถ้าเทียบกับ Pre-Covid จำนวนนักท่องเที่ยว ทีนี้ถ้ามามองช่วงไตรมาส 3/65 ตัวเลขเริ่มขยับขึ้นมาแล้วนะครับ ถ้าดูเป็นรายเดือนอยู่ที่ประมาณ 1.1 ล้านคน เป็นตัวเลขเดือน ส.ค. เดือน ก.ย.ผ่านมาสัก 17 วัน ตัวเลขล่าสุดก็มาประมาณ 7 แสนกว่าคนแล้ว ฉะนั้น แนวโน้มเดือน ก.ย.ก็อาจจะเห็นนักท่องเที่ยวมากกว่าเดือน ส.ค. อาจจะจบใกล้ ๆ สัก 1.3 ล้านคน ถ้าตีเป็นเปอร์เซ็นต์ก็กลับมาได้ประมาณเกือบ 50% แล้วนี่เข้าสู่ช่วงไตรมาส 4/65 เป็นช่วงไฮซีซั่น

สิ้นปีนักท่องเที่ยว 10 ล้านคน

ฉะนั้นโมเมนตัมน่าจะเร่งเครื่องขึ้นได้อีกในช่วงไตรมาส 4 ไตรมาสสุดท้ายของเรา ถ้าเรามองตัวเลข กระทรวงการท่องเที่ยวฯอาจจะมองอยู่ประมาณ 1.5 ล้านคนในไตรมาส 4/65 ซึ่งทางผมก็คิดว่าเป็นไปได้ และค่อย ๆ ไต่ขึ้นไปจนถึงสิ้นปีอาจจะทะลุ 1.5 ล้านคนก็เป็นไปได้

ฉะนั้น ถ้าเป็นไปตามนี้ เราน่าจะเห็นตัวเลขปีนี้จบสิ้นปีประมาณ 10 ล้านคน โดยประมาณบวกลบ ซึ่งถ้าเทียบกับเป้ากระทรวงการท่องเที่ยวฯ ตอนแรกเขามองกัน 8-10 ล้านคน เราน่าจะไปสู่เป้าด้านบนของกระทรวงการท่องเที่ยวฯ ถือว่าเป็นปีที่ทำได้ดีนะครับ

ก็พวกแนวโน้มกำไรไตรมาส 3 ไตรมาส 4 แน่นอนด้วยจำนวนนักท่องเที่ยวที่ดีขึ้น โมเมนตัมจะต้องดีขึ้นต่อเนื่องแน่นอน โดยเฉพาะหุ้นที่มีลักษณะรายได้อยู่ในเมืองไทย ไม่ว่าจะเป็นตัวสนามบิน AOT หรือว่าหุ้นที่เกี่ยวกับโรงแรม หลาย ๆ ตัว ไม่ว่าจะเป็น CENTEL, ERW, AWC เหล่านี้นะครับก็จะได้ประโยชน์ (Benefit) ค่อนข้างเยอะ เพราะมีรายได้สัดส่วนจากเมืองไทย โดยเฉพาะโรงแรมค่อนข้างเยอะนะครับ

ฉะนั้น ถ้าดูไตรมาส 3 ไตรมาส 4 โมเมนตัมน่าจะดีขึ้น ถ้าเป็นธุรกิจโรงแรมก็จะมีตัว RevPar ก็คือเป็นตัว Combination ระหว่างอัตราการเข้าพัก (Occupancy) และอัตราค่าห้อง (Room Rate) ตัว RevPar ช่วงไตรมาส 2/65 จะยังฟื้นตัวอยู่ราว ๆ 60% คร่าว ๆ โรงแรมในเมืองไทย

ทีนี้ครึ่งปีหลังมันจะเขยิบเข้าใกล้ Pre-Covid นะครับ จนไตรมาส 4/65 น่าจะเข้าสู่ Pre-Covid ถ้าดู Breakdown คิดว่า Room Rate น่าจะเป็นตัวที่สามารถอยู่เหนือกว่า Pre-Covid ได้ แต่ Occupancy ด้วยจำนวนนักท่องเที่ยวยังกลับมาไม่เท่าเดิมอาจจะต่ำกว่านิดหนึ่งนะครับ

Q: โมเมนตัมในระยะข้างหน้าสัญญาณฟันด์โฟลว์ยังไหลเข้าต่อเนื่องหรือไม่ เพราะก็ยังมีปัจจัยเสี่ยงเรื่องการขึ้นดอกเบี้ยของเฟด และการรักษาเสถียรภาพของค่าเงินบาท

นายธีระพลกล่าวว่า คิดว่าฟันด์โฟลว์น่าจะไหลเข้ามาต่อเนื่อง เพราะว่าต่างชาติก็จะมองประเทศไทย ตัว Driver หลักคือภาคการท่องเที่ยว ทีนี้ถ้าไตรมาส 4/65 ไตรมาส 1/66 โมเมนตัมดีต่อเนื่อง ถ้าเรามองภาพปีหน้า สมมติคุยกันว่านักท่องเที่ยวปีนี้จะจบสัก 10 ล้านคน ปีหน้าทาง FSSIA เราก็มองว่ามีความเป็นไปได้ที่ตัวเลข Best Case จะไปแตะที่ประมาณ 34 ล้านคน การที่จะไปแตะ 34 ล้านคน สมมติฐาน (Assumption) หลัก ๆ อาจจะมีสัก 2-3 ข้อ

ข้อแรกคือ ประเทศจีน ซึ่งถือเป็นประเทศหลักของนักท่องเที่ยวที่เข้าสู่ประเทศไทย คิดเป็นประมาณ 30% ช่วง Pre-Covid เขาอาจจะต้องเปิดประเทศสักประมาณต้นปี และก็ถ้าเปิดต้นปี ทั้งปีอาจจะฟื้นตัวมาได้สัก 60%

Assumption ที่สองก็คือว่า ประเทศยุโรป ซึ่งปัจจุบันฟื้นตัว เป็นนักท่องเที่ยวยุโรปกลับมาได้สัก 50% ปีหน้าก็น่าจะฟื้นตัวได้ราว ๆ 80-90%

ส่วน Assumption ที่สาม เราก็มองว่ามีอีก 2 ตลาดที่ครึ่งปีแรกฟื้นตัวได้ดี และโมเมนตัมน่าจะดีต่อเนื่อง และปีหน้าตัวเลขจะเกิน Pre-Covid ก็คือ ตลาดอินเดียและตะวันออกกลาง (Middle East) นะครับ อย่าง Middle East เราก็จะเห็นว่านักท่องเที่ยวซาอุฯ เริ่มไหลเข้ามาหลังจากที่เรามีการฟื้นสัมพันธไมตรีกับทางรัฐบาลของซาอุฯนะครับ

ก็แฟ็กเตอร์ประมาณ 3 Assumption นี้ ถ้าสมมติทำได้ก็มีโอกาสที่เราจะเห็นนักท่องเที่ยวกลับมาสักราว ๆ 30 กว่าล้านคนนะครับ

Q: ภาคท่องเที่ยวต้องซมพิษโควิด 2 ปี สะท้อนได้ไหมว่ากลุ่มท่องเที่ยวผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว เพราะหลายโรงแรมดิ้นเพิ่มทุนทำธุรกิจ ผ่อนคลายภาระหนี้ลง กระแสเงินสดที่กลับมาเป็นบวก ในระยะข้างหน้ามองอย่างไรบ้างครับ

นายธีระพลกล่าวต่อว่า ส่วนใหญ่หุ้นที่มีความเกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว เราก็จะเริ่มเห็นแล้วว่ากระแสเงินสดกลับมาเป็นบวก ในช่วงประมาณไตรมาส 2/65 ไตรมาส 3/65 นี้นะครับ ฉะนั้น พอเข้าสู่ไฮซีซั่นไตรมาส 4/65 ไตรมาส 1/66 ก็คิดว่าไม่น่าจะมีประเด็นแล้ว กระแสเงินสดน่าจะเป็นบวก และเราก็น่าจะเริ่มมองหาหุ้นบางตัว ตัวกำไรสุทธิ (Bottom Line) น่าจะมีโอกาสพลิกฟื้นกลับมามีกำไรได้ หรือขาดทุนก็อาจจะเหลือเพียงเล็กน้อย

ฉะนั้น ถ้าดูโมเมนตัมเป็นอย่างนี้ จนต่อเนื่องไปถึงปีหน้า ซึ่งนักท่องเที่ยวก็น่าจะมากกว่า 10 ล้านคนในปีนี้ ก็คิดว่าไม่น่าจะมีประเด็นอะไรแล้วนะครับ สำหรับภาคการท่องเที่ยวจะเข้าสู่โหมดการฟื้นตัวอย่างเต็มที่ในปีหน้าครับ

Q: ให้แนะนำจังหวะการเข้าลงทุน และหุ้นเด่นที่แนะนำให้ลงทุนในช่วงไตรมาสสุดท้าย

นายธีระพลกล่าวอีกว่า ถ้ากลยุทธ์ (strategy) ในการลงทุนกลุ่ม tourism เรามองว่า tourism ยังไงก็น่าจะกลับฟื้นตัวได้ เพียงแต่จะช้าหรือเร็วเท่านั้น ซึ่งระหว่างทางจะมีปัจจัยมากดดันภาคการท่องเที่ยวสม่ำเสมอ จะมีปัจจัยเข้ามาเป็นระยะ ๆ ฉะนั้น จังหวะที่หุ้นราคาลง คิดว่าจะเป็นโอกาสซื้อ เพราะถ้ามองภาพใหญ่ไป 2-3 ปีข้างหน้า เราเชื่อว่าการท่องเที่ยวจะกลับมาสู่สภาวะปกติ นักท่องเที่ยวน่าจะกลับมา 40 ล้านคนได้

ในขณะที่ธุรกิจต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นโรงแรม สนามบิน สายการบิน มีโอกาสที่จะแข็งแกร่งขึ้น เพราะว่าคู่แข่งก็อาจจะล้มหายตายจากไปบ้างบางส่วน ทำให้คนที่ยืนอยู่ได้น่าจะสามารถ Capture กำไรเพิ่มเติมได้นะครับ ฉะนั้น หุ้นลงก็น่าจะเป็นจังหวะเข้าสะสมได้นะครับ

ในขณะที่ถ้ามองช่วงไตรมาส 4/65 ไตรมาส 1/66 ถามว่าหุ้นกลุ่มไหนถ้าสนใจเป็นพิเศษ ต้องเรียนว่าที่ผ่านมาถ้าเราดูหุ้นกลุ่มโรงแรมในเมืองไทยจะเพอร์ฟอร์มค่อนข้างดี ไม่ว่าจะเป็น CENTEL, ERW, AWC ราคาหุ้นค่อนข้างเพอร์ฟอร์มไปพอสมควร ถ้านักลงทุนมีอยู่ในพอร์ตก็อาจจะสามารถ Let Profit Run ได้ แต่ว่าถ้าจะให้แนะนำซื้ออาจจะรอย่อก่อน น่าจะเป็นจังหวะที่ดี

ในขณะที่ตัวที่ยังมี Room ที่อาจจะมีโอกาสเล่นได้เพิ่มเติม ไม่ว่าจะเป็น AOT ซึ่งเราคิดว่าปีหน้าจะมี 2 สตอรี่หลักคือ 1.คนจีนเปิดประเทศ 2.การสิ้นสุดมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการ ซึ่งจะครบกำหนดช่วงประมาณ มี.ค. ก็จะทำให้เขาสามารถมาเก็บ Minimum Guarantee จากสัญญาหลัก ๆ โดยเฉพาะสัญญา Duty Free ได้เพิ่มเติมนะครับ

ถ้าเรามองหุ้นสายการบินก็น่าสนใจเช่นกัน เพราะว่าถ้าเทียบกับกลุ่มโรงแรม ราคาหุ้นยังไม่ได้เพอร์ฟอร์มไปมากนัก และสตอรี่น่าสนใจไม่แพ้กัน คือการฟื้นตัวของภาคท่องเที่ยวน่าจะหนุนให้ตัวราคาค่าตั๋วเพิ่มขึ้น คล้าย ๆ กับโรงแรมที่สามารถขึ้นค่าห้องได้ ก็จะมีทางเลือกคือ BA, AAV 2 ตัวนี้ก็เป็นตัวที่น่าสนใจเช่นกันครับ