กอบศักดิ์ ชี้เศรษฐกิจส่อถดถอยทั่วโลก แบงก์ชาติหลายแห่งอยากพิชิตเงินเฟ้อ

กอบศักดิ์ ภูตระกูล
กอบศักดิ์ ภูตระกูล

ดร.กอบศักดิ์ ชี้เฟดตั้งใจทุบเศรษฐกิจเพื่อสยบเงินเฟ้อ ระบุตัวการทำเศรษฐกิจถดถอยหลายครั้งที่ผ่านมาเป็นผลงานเฟด ขณะที่รอบนี้อาจถดถอยทั่วโลก เหตุแบงก์ชาติหลายแห่งอยาก “พิชิตเงินเฟ้อ” พร้อมกัน

วันที่ 24 กันยายน 2565 ดร.กอบศักดิ์ ภูตระกูล กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ และประธานกรรมการ สภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) โพสต์เฟซบุ๊ก “Dr.KOB” (https://www.facebook.com/drkobsak) ล่าสุด ระบุว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ตั้งใจที่จะ “ทุบเศรษฐกิจ เพื่อนำไปสู่การสยบเงินเฟ้อ” ซึ่งเป็นไม้ตายขั้นสูงสุด ที่ธนาคารกลางจะนำมาใช้ได้

เนื่องจากประธานเฟด ระบุว่า จะต้องจบเรื่องเงินเฟ้อให้ได้ อยากให้มีหนทางที่ไม่สร้างผลข้างเคียงใด ๆ ในการจัดการกับเงินเฟ้อ แต่มันไม่มีจริง ๆ รวมถึงโอกาสของการ Soft landing ที่เคยบอกไว้ ได้ลดลง เพราะจะต้องขึ้นดอกเบี้ยไปมากกว่าที่คิดไว้ และคงดอกเบี้ยไว้ในระดับที่สูงเป็นเวลานานกว่าที่คิด โดยคงต้องทำให้เศรษฐกิจอ่อนกว่าปกติ และคนจะต้องตกงานเพิ่ม ตลาดแรงงานปรับตัวเข้าสมดุลมากขึ้น เพื่อลดเงินเฟ้อให้ได้

นอกจากนี้ ยังย้ำว่าเฟดจะเอาเงินเฟ้อลงมาที่ 2% ให้ได้ เพราะถ้า พลาดเรื่องนี้ จะเสียหายกันมากกว่านี้ รวมถึงบอกว่า เราจะไม่หยุด จนเรามั่นใจได้ว่าเงินเฟ้อสยบ และปิดงานได้

“ทั้งหมดหมายความว่า เฟดจะเดินหน้า ไม่เปลี่ยนใจ ไม่ว่าจะเกิดอะไร คนจะตกงาน บริษัทล้มละลาย ตลาดอสังหาสหรัฐพัง ค่าเงินดอลลาร์แข็ง ส่งออกไม่ได้ Emerging Market ปั่นป่วน เกิดวิกฤต รัฐบาลท่านไบเดน (นายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐ) ต้องจ่ายดอกเบี้ยมากขึ้น พรรคเดโมแครต ได้รับผลกระทบในการเลือกตั้งที่จะถึงเศรษฐกิจสหรัฐพัง ติดลบ เฟดก็จะเดินหน้าต่อไป เพราะได้บอกแล้วว่า มันคือหน้าที่ของเฟด ที่ได้รับมอบหมายมา ในฐานะขุนศึก รับผิดชอบด่านสำคัญ เมื่อศึกมาอยู่ข้างหน้า
ก็จะต้องทำทุกอย่างเพื่อให้ชนะให้ได้ ไม่เช่นนั้น ข้าศึกบุกเข้ามาได้ จะเสียเมือง เสียประเทศ เสียหายไปยิ่งกว่านี้ แม้จะย่อยยับจากสงครามบ้าง แต่ละคนบาดเจ็บ สินทรัพย์เสียหาย ก็ต้องยอม”

โดยล่าสุด จากการประมาณการของเฟดในรอบที่ผ่านมา ที่เริ่มเอาความจริงออกมาพูดมากขึ้น จากการระบุว่า เศรษฐกิจปีนี้ ที่เมื่อปลายปีที่แล้วประมาณว่าจะโต 4.0% ตอนนี้ คาดว่าจะโต 0.0-0.5% หรือลดลง 3.5-4.0% ขณะที่อัตราคนว่างงานปีนี้ ที่เคยคิดว่าจะอยู่ที่ 3.5% ตอนนี้ คาดว่าจะตกงานกันที่ 3.7-5.0% เพิ่มขึ้น 0.2-1.5%

โดยหากเป็นกรณีแย่สุด จะมีคนตกงานเพิ่มขึ้น 1.5% หมายความว่า ถ้าคำนวณเร็ว ๆ จากคนทำงานในสหรัฐ 157.5 ล้านคน ต้องมีคนตกงานเพิ่มขึ้น 2.7 ล้านคน

ทั้งหมดนี้ เป็นแค่ตัวเลขเบื้องต้น บนพื้นฐานจากดอกเบี้ยที่คาดว่าจะขึ้นไปสูงสุดที่ 4.6% ในช่วงปลายปีหน้า แต่ถ้าสุดท้ายเงินเฟ้อยังดื้อแพ่ง ลงมาช้า หรือค้างอยู่ที่ 3-4% เฟดก็คงต้องเพิ่มยา ขึ้นดอกเบี้ยไปอย่างน้อยถึงระดับ 5% หรือ 6% ตัวเลขเศรษฐกิจเหล่านี้ ก็จะแย่กว่านี้ ไปอีกพอสมควร

“แต่เฟดก็คงยังยืนยันต่อไปว่า เป็นสิ่งทุกคนที่ต้องยอม ไม่มีทางเลือก ขอให้เดินลุยไฟไปกับเฟด ซึ่งจะทำให้สหรัฐก็จะเข้าสู่ภาวะ Recession (เศรษฐกิจถดถอย) เต็มรูปแบบ ที่อาจลึกกว่าที่ทุกคนคาดทั้งหมด จึงเป็นสิ่งที่รออยู่ข้างหน้า อันจะมีนัยต่อทุกคนต่อไป ราคาสินทรัพย์ต่าง ๆ ค่าเงิน การส่งออก กำไร สภาพคล่อง การจ้างงาน และอื่น ๆ อีกมากมาย”

ดร.กอบศักดิ์ ระบุด้วยว่า ความจริงแล้ว การทุบเศรษฐกิจ เพื่อสยบเงินเฟ้อ ไม่ใช่เรื่องใหม่ เพราะมีคนบอกว่า ถ้าลองย้อนไปดูในอดีตที่ผ่านมา Recession ที่เกิดขึ้น เป็นผลงานที่เฟดสร้างเป็นส่วนมาก เพียงแต่ครั้งนี้ ปัญหาอาจจะลุกลามขึ้นเป็น Global Recessions เพราะมีธนาคารกลางหลายแห่ง ที่อยาก “พิชิตเงินเฟ้อ” พร้อม ๆ กัน