บล.อินโนเวสท์ เอกซ์ คาด SET ฟื้นตัวกรอบบนถูกจำกัดตามแนวต้านที่ 1,645-1,650 จุด เหตุตลาดยังเผชิญปัจจัยกดดันจากนโยบายการเงินที่ตึงตัว-เงินบาทอ่อนค่าต่อเนื่อง มองกรอบล่างอยู่ที่แนวรับ 1,627 จุด ลุ้นกลางสัปดาห์ กนง. ขึ้นดอกเบี้ย 0.25%-0.50% หลังเงินดอลลาร์แข็งกดดันบาทอ่อน-คาดแบงก์เตรียมปรับขึ้นดอกเบี้ยเงินกู้-ฝากตาม
วันที่ 26 กันยายน 2565 บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด วิเคราะห์ภาวะตลาดหุ้นไทยวันนี้ คาดว่า SET ฟื้นตัวกรอบบนยังถูกจำกัดตามแนวต้าน โดยอยู่ที่ 1,645-1,650 จุด เนื่องจากมองตลาดยังเผชิญปัจจัยกดดันจากนโยบายการเงินที่ตึงตัวสร้างความกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจ และเงินบาทอ่อนค่าต่อเนื่องเป็นลบต่อทิศทาง fund flow ด้านกรอบล่างอยู่ที่แนวรับ 1,627 หากต่ำกว่าเป็นลบต่อ และมีแนวรับถัดไปที่ 1,620 จุด
- เปิด 10 อันดับมหาวิทยาลัยรัฐ-ราชภัฏ-เอกชน ที่ได้รับความนิยมมากสุด
- โปรดเกล้าฯ พระราชทานยศ ข้าราชการในพระองค์ฝ่ายทหาร 3 ราย
- ยูโอบี ย้ำลูกค้าบัตรเครดิตซิตี้ ยังใช้งานได้ปกติ แจงสิ่งควรรู้หลังโอนพอร์ต
โดยประเด็นสำคัญสัปดาห์นี้ ได้แก่ เงินปอนด์เทียบดอลลาร์อ่อนค่าสุดรอบ 37 ปี หลัง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังอังกฤษคนใหม่เตรียมออกมาตรการลดภาษีครั้งใหญ่และมาตรการเยียวยาครัวเรือน-ธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากราคาพลังงาน
ขณะที่กระทรวงการคลังของไทยพิจารณาใช้ภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) 2 อัตรา โดยอัตราปกติที่ 7% สำหรับสินค้าทั่วไปและสูงกว่า 7% สำหรับสินค้าฟุ่มเฟือย คาดสร้างรายได้เข้ารัฐเพิ่มกว่า 1 แสนล้านบาท
ส่วนการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในวันที่ 28 ก.ย. นี้ ตลาดคาดปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.25%-0.50% หลังเงินดอลลาร์แข็งกดดันบาทอ่อน และคาดว่าธนาคารพาณิชย์เตรียมปรับขึ้นดอกเบี้ยเงินกู้-เงินฝากตาม
กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเปิดเผยผลสำรวจความเชื่อมั่นนักท่องเที่ยวไทย ต่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ช่วงเดือน ส.ค.-6.ค. 65 อยู่ที่ 80% เพิ่มจาก 20%
ในขณะที่สมาคมโรงแรมไทยมองบาทอ่อนเป็นบวกต่อท่องเที่ยว ทำให้อยากใช้จ่ายมากขึ้น แต่ไม่ได้ช่วยดึงดูดต่างชาติเที่ยวไทย
ฟากคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ประกาศเลื่อนกรอบเซ็นสัญญาโรงไฟฟ้าชุมชนนำร่อง 150 MW เป็นรอบที่ 5 อีก 90 วัน นับตั้งแต่วันที่ 30 ก.ย. ทำให้ผู้ผ่านการคัดเลือก 43 รายถูกเลื่อนลงนามรวมแล้ว 15 เดือน
ด้านคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (บอร์ด กสทช.) เตรียมพิจารณาดีลควบรวม TRUE-DTAC ในวันที่ 12 ต.ค. นี้
ฟากกรมอุตุฯ เตือนพายุไต้ฝุ่นโนรู ฝนตกหนัก เสี่ยงน้ำท่วม ระหว่างวันที่ 28 ก.ย.-1 ต.ค.นี้
สำหรับกลยุทธ์การลงทุน แม้มองตลาดกำลังปรับตัวเข้าสู่สมดุลใหม่ โดยเชื่อว่าการปรับขึ้นดอกเบี้ยแรงของสหรัฐจะสิ้นสุดลงแล้ว และเงินเฟ้อจะเริ่มชะลอตัว แต่ช่วงสั้นคาดบรรยากาศการลงทุนในตลาดสินทรัพย์เสี่ยงจะยังถูกกดดันจากกังวลความเสี่ยงเศรษฐกิจโลกถดถอย การปรับตัวลงของราคาน้ำมันและค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้น กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำ Selective ในหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว
ทั้งนี้ ช่วงสั้นมองตลาดหุ้นไทยจะยังมีความผันผวนสูงและ Upside จำกัด หลังมีปัจจัยเสี่ยงภายนอกกดดัน จึงเน้นเลือกลงทุนอย่างระมัดระวังในหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว ดังนี้
- หุ้น Defensive ที่อิงเศรษฐกิจภายในประเทศเป็นหลัก เลือก ADVANC, BDMS, BLA และ HMPRO
- หุ้น Domestic Growth ใน 4Q65 ซึ่งกำไรมีโมเมนตัมเติบโตได้ดี เลือก AMATA, AP, CRC และ KTB
ช่วงสั้นแนะนำให้หลีกเสี่ยงหรือเพิ่มความระมัดระวังการลงทุน สำหรับกลุ่มที่มีปัจจัยลบกดดันผลประกอบการ และ/หรือ ราคาหุ้น ดังนี้
- หุ้นเดินเรือซึ่งคาดได้รับผลกระทบจากอุปทานเรือใหม่ที่เข้ามาและอุปสงค์การขนส่งสินค้าเริ่มชะลอตัวลง
- หุ้นที่มีฐานลูกค้า/ตลาดส่งออกไปยังสหรัฐและยุโรป ซึ่งคาดได้รับกระทบจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว อาทิ กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ กลุ่มยานยนต์ กลุ่มยาง
- หุ้นเนื้อสัตว์ อาทิ CPF และ GFPT ซึ่งอาจถูกกดดันจากกังวลต้นทุนอาหารสัตวจะทรงตัวสูงจากสงครามรัสเซียและยูเครนที่กลับมายกระดับขึ้น และการเข้าสู่เทศกาลกินเจ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง