ดร.กอบศักดิ์ ชี้เงินบาทอ่อนค่าใกล้ทะลุ 38 บาทต่อดอลลาร์ เกิดจากความแตกต่างของสภาพเศรษฐกิจ-นโยบายการเงิน 4 ประเทศหลัก มองดอลลาร์ยังแข็งค่าขึ้นได้อีก ย้ำบาทอ่อนดีกับภาคเกษตร-ท่องเที่ยว-ส่งออก แนะผู้นำเข้าป้องกันความเสี่ยงค่าเงิน
วันที่ 27 กันยายน 2565 ดร.กอบศักดิ์ ภูตระกูล กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ และประธานกรรมการ สภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) โพสต์เฟซบุ๊ก “Dr.KOB” (https://www.facebook.com/drkobsak) ระบุว่า ค่าเงินบาทใกล้ทะลุ 38 บาท/ดอลลาร์ อ่อนค่าสุดในรอบ 16 ปี ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากความแตกต่างของสภาพเศรษฐกิจ (Macro Fundamentals) และนโยบายการเงินของ 4 ประเทศหลักของโลกคือ สหรัฐ ยุโรป ญี่ปุ่น จีน ที่ทำให้ค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งสุดในรอบ 20 ปี นำมาซึ่งความแตกต่างที่กว้างขึ้นเรื่อย ๆ ระหว่างระดับดอกเบี้ยและสภาพคล่องในประเทศหลักเหล่านั้น
- ประกาศแล้ว! พระราชกฤษฎีกาเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ รับ 11,000 บาทต่อเดือน
- บังคับใช้แล้ว! หลักเกณฑ์การดำเนินงาน 30 บาทรักษาทุกที่ ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว
- กีรติ รัชโน ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เสียชีวิต อายุ 56 ปี
ทั้งนี้ สหรัฐขึ้นดอกเบี้ยมา 3.0% และตลาดคาดว่าจะขึ้นไปที่ 4.75% ใน 1 ปี ขณะที่ยุโรปขึ้นดอกเบี้ยมา 1.25% และตลาดคาดว่าจะขึ้นไปที่ 3.22% ใน 1 ปี ฟากญี่ปุ่นยังไม่ขึ้นดอกเบี้ย และตลาดคาดว่าจะขึ้นจาก 0% ไปที่ 0.2% ใน 1 ปี ด้านจีนลดดอกเบี้ยในช่วงที่ผ่านมา
โดยยังไม่นับการทำ QT ของสหรัฐที่ดูดสภาพคล่องกลับอย่างต่อเนื่อง และเร่งตัวขึ้นตั้งแต่ต้นเดือนกันยายน ขณะที่ยุโรปกำลังตัดสินใจเรื่องนี้ ญี่ปุ่นเพิ่มสภาพคล่องเพื่อดูแลดอกเบี้ยพันธบัตรในประเทศ และจีนยังต้องอัดฉีดสภาพคล่องเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ
“ความแตกต่างเชิงนโยบายระหว่างประเทศเหล่านี้ ทำให้ Carry Trades ที่กู้จากประเทศดอกเบี้ยต่ำมาลงทุนในประเทศดอกเบี้ยสูงคือสหรัฐหวนคืนมา ซึ่งหมายความว่า แรงกดดันให้ดอลลาร์แข็งจะยังมีต่อไปอีกระยะเวลาหนึ่ง โดยเฉพาะในช่วงที่เฟดยังไม่ชะลอการขึ้นดอกเบี้ย”
ทั้งนี้ ในช่วงปี 1999-2000 ที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ขึ้นดอกเบี้ยไปที่ 6.5% เพื่อสู้ศึกเงินเฟ้อ ได้ส่งผลให้ดัชนีค่าเงินดอลลาร์ขึ้นไปที่ระดับ 118 ซึ่งเป็นแนวถัดไปที่ต้องจับตามอง
“สำหรับไทย ค่าเงินวันต่อวันในช่วงสั้น ๆ คงไม่มีใครบอกได้ว่าจะขึ้นลงอย่างไร เพราะผันผวนมาก แต่ในระยะยาว ถ้ายังมีแรงกดดันต่อดอลลาร์ให้แข็งต่อไป เงินบาทก็ยังสามารถอ่อนเพิ่มเติมได้ ดีกับภาคเกษตร ภาคท่องเที่ยว ภาคส่งออก ดีกับสินค้าไทย แต่ผู้นำเข้าช่วงนี้ควรทำ Hedging ให้มากครับ อย่าเสี่ยงกับค่าเงิน” ดร.กอบศักดิ์ระบุ
