ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดเงินบาทส่ออ่อนค่าถึงสิ้นปี หาก กนง. ขึ้นดอกเบี้ยแค่ 0.25%

การเงิน หุ้น ลงทุน เงิน

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาด กนง.ขึ้นดอกเบี้ย 0.25% เป็น 1.00% ท่ามกลางแรงกดดันจากค่าเงินบาทที่อ่อนค่าสุดในรอบ 16 ปี ประเมินหากเงินเฟ้อสหรัฐยังคงไม่ลดลงชัดเจน-เฟดยังเร่งการปรับขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่อง ค่าเงินบาทน่าจะอ่อนค่าต่อเนื่องยาวไปจนถึงสิ้นปีนี้

วันที่ 27 กันยายน 2565 ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เปิดเผยว่าในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในวันที่ 28 ก.ย.ที่จะถึงนี้ คาดว่า กนง.จะปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายที่ 0.25% มาอยู่ที่ระดับ 1.00% ท่ามกลางแรงกดดันจากเงินเฟ้อที่ยังอยู่ในระดับสูงและค่าเงินบาทที่อ่อนค่าอย่างต่อเนื่อง

อย่างไรก็ดี กนง.คงจะยังทยอยปรับขึ้นดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไปตามที่ได้ส่งสัญญาณไว้ก่อนหน้า ท่ามกลางเศรษฐกิจไทยที่กำลังอยู่ในช่วงฟื้นตัวและยังคงเปราะบางจากหนี้ในภาคธุรกิจและภาคครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง โดย กนง.คงหลีกเลี่ยงที่จะปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายแรง เนื่องจากจะส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ

ขณะที่ กนง.คงมีมุมมองว่าการฟื้นตัวที่แข็งแกร่งของภาคการท่องเที่ยวในช่วงที่เหลือของปีนี้คงจะช่วยพยุงให้ค่าเงินพลิกกลับมาแข็งค่าได้บ้าง อีกทั้ง กนง.คงมีมุมมองว่าเสถียรภาพด้านอัตราแลกเปลี่ยนคงเป็นประเด็นระยะสั้น และยังพอมีเวลาที่จะติดตามสถานการณ์และเปลี่ยนแปลงนโยบายการเงินได้ในระยะข้างหน้า

ทั้งนี้ หากในการประชุมที่จะถึงนี้ กนง.มีมติปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายที่ 0.25% ตามคาด คงมีแรงกดดันให้ค่าเงินบาทยังมีแนวโน้มที่จะอ่อนค่าอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ดี คงต้องติดตามตัวเลขเงินเฟ้อและเศรษฐกิจสหรัฐ ซึ่งจะส่งผลต่อแนวโน้มการปรับขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และค่าเงินดอลลาร์ รวมถึงดุลบัญชีเดินสะพัดของไทยที่จะส่งผลต่อแนวโน้มค่าเงินบาทในระยะข้างหน้า

ทั้งนี้ หาก กนง.มีมติปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายที่ 0.25% ในการประชุม กนง.ที่จะถึงนี้ คงส่งผลให้ค่าเงินบาทยังคงเผชิญแรงกดดันให้อยู่ในทิศทางอ่อนค่าอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ดี หากในระยะข้างหน้า เฟดไม่ได้มีการส่งสัญญาณปรับขึ้นดอกเบี้ยเร็วและแรงกว่าที่ตลาดรับรู้ไปแล้ว ขณะที่หากการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวไทยเป็นไปตามคาดอาจส่งผลให้ดุลบัญชีเดินสะพัดพลิกกลับมาเกินดุลได้ในช่วงปลายปีนี้ ซึ่งก็อาจเป็นปัจจัยหนุนต่อทิศทางค่าเงินบาทในระยะข้างหน้า


อย่างไรก็ตาม หากทิศทางเงินเฟ้อสหรัฐยังคงไม่ลดลงอย่างชัดเจนและเฟดยังคงต้องเร่งการปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายอย่างต่อเนื่องไปในการประชุมในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ ค่าเงินบาทคงเผชิญแรงกดดันให้อ่อนค่าอย่างต่อเนื่องไปจนถึงสิ้นปีนี้และการพลิกภาพกลับมาแข็งค่าของค่าเงินบาทคงล่าช้าออกไปกว่าเดิม