
ธนาคารยูโอบี ประเทศไทย ชี้เศรษฐกิจสหรัฐเข้าสู่ภาวะถดถอยเชิงเทคนิคแล้ว ระบุเป็นการ “ถดถอยแบบตื้น” แนะกลยุทธ์การลงทุนเมื่อธนาคารกลางสหรัฐขึ้นดอกเบี้ย พร้อมเตือนนักลงทุนต้องตระหนักถึงความเสี่ยงที่รับได้ของตนเอง-รักษาพอร์ตการลงทุนที่หลากหลาย เพื่อลดความเสี่ยงอันเนื่องมาจากเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝัน
วันที่ 2 ตุลาคม 2565 นายยุทธชัย เตยะราชกุล รองกรรมการผู้จัดการใหญ่บุคคลธนกิจ ธนาคารยูโอบี ประเทศไทย เปิดเผยว่า หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 75 bps หรือร้อยละ 0.75 เป็นครั้งที่สามจากการขึ้นดอกเบี้ยหลายครั้งในปีนี้ นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด กล่าวว่า “เพื่อควบคุมอัตราเงินเฟ้อโดยไม่เกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย แต่เฟดได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสู่ระดับ 3 ถึงร้อยละ 3.25 ซึ่งถือเป็นการคุมเข้มทางการเงินครั้งรุนแรงที่สุดของเฟดนับตั้งแต่ทศวรรษ 1980”
- จับตาธุรกิจเลิกจ้าง ปิดกิจการ ส่งออกสะดุด-บริษัทยักษ์ย้ายฐาน
- โปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง พล.อ.ประยุทธ์ เป็นองคมนตรีคนใหม่ มีผลทันที
- เปิดความเป็นมาองคมนตรี 18 คน อำนาจหน้าที่และการดำรงตำแหน่ง
อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจของสหรัฐฯ เรียกได้ว่าเข้าสู่ภาวะถดถอยเชิงเทคนิค จากข้อมูลผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาสสอง มีรายงานว่าลดลงร้อยละ 0.9 GDP และลดลงร้อยละ 1.6 ในไตรมาสแรก ซึ่งหมายความว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ หดตัวติดต่อกัน 2 ไตรมาส
“ในมุมมองของธนาคารยูโอบีคาดว่าเศรษฐกิจจะชะลอตัว ตามมาด้วยภาวะเศรษฐกิจถดถอยแบบตื้น (Shallow recession) เนื่องจากงบดุลของภาคครัวเรือนยังแข็งแรง และหนี้สินที่ยังไม่มากเกินไป การเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยอาจไม่รุนแรง สิ่งสำคัญที่สุดคือเราอยู่ในช่วงปลายของวัฏจักรเศรษฐกิจพร้อมกับการเติบโตที่ชะลอตัวลง และถึงเวลาที่เราต้องเตรียมรับมือ”
และกลยุทธ์การลงทุนเมื่อธนาคารกลางแห่งสหรัฐ ขึ้นอัตราดอกเบี้ย ได้แก่
ลงทุนอย่างต่อเนื่องพร้อมตระหนักถึงเป้าหมายและความเสี่ยงที่รับได้
ขั้นตอนแรกในการลงทุนคือการทำความเข้าใจวัตถุประสงค์ของการลงทุน กำหนดระดับความเสี่ยงที่นักลงทุนยอมรับได้ และประเภทผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับความเสี่ยง การมีเป้าหมายทางการเงินที่ชัดเจนสามารถช่วยกำหนดกรอบเวลาการลงทุน และทราบถึงระดับความเสี่ยงที่นักลงทุนสามารถทนต่อความผันผวนของการลงทุน
กระจายแหล่งรายได้ด้วยสินทรัพย์ที่หลากหลาย
สำหรับการลงทุนในตราสารหนี้ เราคิดว่าตราสารหนี้คุณภาพสูงที่มีการจัดอันดับ BBB ขึ้นไปและออกโดยบริษัทที่มีพื้นฐานที่ดี มีอัตราการกู้ยืมต่ำ และมีแหล่งรายได้จากหลากหลายช่องทางเป็นตัวเลือกที่ดี บริษัทเหล่านี้มีแนวโน้มที่จะมีสถานะกระแสเงินสดที่แข็งแกร่ง มีความสามารถในการชำระคืนที่ดีและให้รายได้ที่มั่นคงสำหรับนักลงทุน สินทรัพย์ประเภท อสังหาริมทรัพย์ เช่น โครงสร้างพื้นฐาน ที่ดิน และทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT) เป็นวิธีการในการกระจายแหล่งที่มาของรายได้ให้กับนักลงทุน ดังนั้นนักลงทุนสามารถพิจารณาสินทรัพย์เหล่านี้นอกเหนือจากตราสารหนี้และตราสารทุนทั่วไปเพื่อเป็นทางเลือกในการสร้างรายได้
ลงทุนเพื่อรับประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงทางโครงสร้างในระยะยาว
แม้ว่าเศรษฐกิจโลกอาจได้รับผลกระทบจากความผันผวนในระยะสั้น เช่น การระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่ๆ หรือความตึงเครียด ความขัดแย้งทางการเมือง นักลงทุนยังสามารถมุ่งเน้นไปที่การลงทุนในโครงสร้างระยะยาวที่มีเสถียรภาพในการเติบโต เราขอแนะนำสามเมกะเทรนด์สำคัญที่ส่งผลกระทบต่อการลงทุนในปัจจุบันและเป็นพลังขับเคลื่อนโลกแห่งอนาคต
เครื่องมือแห่งอนาคต – เครื่องมือแห่งอนาคตประกอบด้วยการพัฒนาพลังงานสะอาด พลังงานหมุนเวียนเพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ รวมถึงเทคโนโลยีที่เร่งการเติบโตของธุรกิจและขับเคลื่อนให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในทุกภาคส่วนของเศรษฐกิจโลก นักลงทุนสามารถพิจารณาลงทุนในเทคโนโลยีที่เข้ามาช่วยจัดการกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และการเปลี่ยนแปลงด้านพลังงาน ตลอดจนบริษัทที่ได้รับประโยชน์จากการนำระบบ AI มาใช้
การบริโภคแห่งอนาคต – การเปลี่ยนแปลงทางประชากรนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมของผู้บริโภค ซึ่งจะส่งผลต่อรูปแบบการใช้จ่ายของคนในรุ่นต่างๆ ปริมาณชนชั้นกลางที่มีความมั่งคั่งเพิ่มมากขึ้นในประเทศกำลังพัฒนาจะนำไปสู่ความต้องการสินค้าและบริการที่มีคุณภาพมากขึ้น ในขณะเดียวกัน บางประเทศกำลังเผชิญกับประชากรสูงอายุ ซึ่งหมายความว่าจะมีการใช้จ่ายสินค้าและบริการที่เกี่ยวข้องกับการดูแลสุขภาพเพิ่มขึ้น เมื่อเกิดการเปลี่ยนแปลงของคนในรุ่นต่างๆ องค์กรจะต้องปรับกลยุทธ์และลำดับความสำคัญใหม่เพื่อตอบสนองความต้องการของคนรุ่นมิลเลนเนียลและเจเนอเรชัน Z ซึ่งเป็นคนยุคดิจิทัลที่ให้ความสำคัญกับความยั่งยืนและความรับผิดชอบต่อสังคม นักลงทุนสามารถพิจารณาลงทุนในธุรกิจที่เข้าถึงดิจิทัลอย่างยั่งยืน เพื่อได้รับประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการบริโภคนี้
ผู้นำเศรษฐกิจในอนาคต – การแข่งขันเชิงกลยุทธ์ระหว่างผู้นำเศรษฐกิจที่ทรงอำนาจของศตวรรษนี้ – สหรัฐอเมริกาและจีน – มักจะใช้อิทธิพลเหนือกรอบการกำกับดูแล นโยบายเศรษฐกิจ และการปรับเปลี่ยนตลาดของประเทศอื่นๆ ตลาดการเงินที่มีขนาดใหญ่ของทั้งในสหรัฐอเมริกาและจีน จะสร้างโอกาสให้กับนักลงทุนในการแสวงหาผลตอบแทนจากการลงทุนในทั้ง 2 ประเทศ
นักลงทุนต้องตระหนักถึงความเสี่ยงที่รับได้ของตนเองและรักษาพอร์ตการลงทุนที่หลากหลายเพื่อลดความเสี่ยงอันเนื่องมาจากเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝัน ด้วยหลักการ Risk-First ของธนาคารยูโอบี จะช่วยให้การลงทุนของนักลงทุนราบรื่นขึ้น โดยแนะนำกลยุทธ์การลงทุนที่หลากหลาย และเหมาะกับความเสี่ยงของนักลงทุนแต่ละราย ก่อนตัดสินใจลงทุนใดๆ ผู้ลงทุนควรตรวจสอบให้แน่ใจเสมอว่ามีความชัดเจนเกี่ยวกับสิ่งที่พวกเขากำลังลงทุนและได้พิจารณาปัจจัยเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น
ที่มา: UOB Market Outlook 2022