เงินบาทไตรมาส 2 ส่ออ่อนค่าหนัก ต่างชาติโอนปันผล 7 หมื่นล้าน

เงินบาท

ห้างค้ากสิกรไทยชี้ค่าเงินบาทไตรมาส 2 เจอแรงกดดันอ่อนค่า ประเมินอยู่ในกรอบ 34.00-35.50 บาทต่อดอลลาร์ เหตุเป็นช่วงฤดูกาลจ่ายปันผล-ต่างชาติโอนเงินกลับประเทศ คาดปีนี้ บจ.จ่ายปันผลนักลงทุนต่างชาติราว 7.1 หมื่นล้านบาท

นางสาวกฤติกา บุญสร้าง ผู้ชำนาญการงานวิจัยเศรษฐกิจและตลาดทุน ธนาคารกสิกรไทย (ห้องค้ากสิกรไทย) เปิดเผยว่า ช่วงไตรมาส 2 ปีนี้ ค่าเงินบาทจะถูกกดดันให้อ่อนค่า จากฤดูกาลจ่ายเงินปันผล ของบริษัทในประเทศไทย ซึ่งประมาณการว่า ปีนี้ ช่วงเดือน มี.ค.-พ.ค. บริษัทตลาดหลักทรัพย์ไทยจะมีการจ่ายเงินปันผลรวมประมาณ 7.1 หมื่นล้านบาทให้กับนักลงทุนต่างชาติ ซึ่งห้องค้ากสิกรไทยคาดว่าค่าเงินบาทในไตรมาส 2 จะอยู่ที่ 34.00-35.50 บาทต่อดอลลาร์

“ฤดูกาลปันผล จะเป็นปัจจัยกดดันค่าเงินบาททุกไตรมาส 2 ของปี ปีนี้เราคาดว่าจะมีการจ่ายเงินปันผลให้นักลงทุนต่างชาติประมาณ 7.1 หมื่นล้านบาท ในช่วง 2-3 เดือนต่อจากนี้ โดยเฉพาะในช่วงหลังสงกรานต์”

ทั้งนี้ บริษัทญี่ปุ่นจะปิดปีงบประมาณในเดือน มี.ค. และบริษัทลูกของญี่ปุ่น ส่วนใหญ่จะส่งเงินปันผลกลับให้บริษัทแม่ ทำให้ค่าเงินเยนมีแนวโน้มจะแข็งค่า เมื่อเทียบกับค่าเงินบาทในช่วงเวลาดังกล่าว เนื่องจากนักลงทุนจากญี่ปุ่นเป็นนักลงทุนต่างประเทศรายใหญ่ของไทย โดยเงินลงทุนจากญี่ปุ่นคิดเป็นประมาณ 32% ของเงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศของไทย

นางสาวกฤติกากล่าวว่า สำหรับช่วงนี้สถานการณ์ค่าเงินบาทค่อนข้างผันผวนมาก ทั้งจากการที่นายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) แถลงต่อสภาสูงสหรัฐ การประกาศตัวเลขเงินเฟ้อของไทยล่าสุด รวมถึงการประกาศตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐและตัวเลขอัตราการว่างงาน ตลอดจนการประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ)

ด้านกลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ระบุว่า ถ้อยแถลงประธานเฟด และข้อมูลจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือน ก.พ. ของสหรัฐ จะส่งผลต่อการประเมินทิศทางดอกเบี้ยเฟดต่อไป นอกจากนี้ การประชุมบีโอเจครั้งสุดท้ายของผู้ว่าการคนปัจจุบัน คาดว่าจะยังคงนโยบายการเงินของญี่ปุ่นในรอบนี้