หุ้น-การเงิน

ทีทีบี มั่นใจสินเชื่อรายย่อยโต 5-6% แรงหนุน “บัตรเครดิต-ส่วนบุคคล”

นายฐากร ปิยะพันธ์

ธนาคารทีเอ็มบีธนชาต หรือทีทีบี มองธุรกิจรายย่อยยังโตตามเป้า 5-6% หรือ 4.3 แสนล้านบาท เผยบัตรเครดิต-ส่วนบุคคลยังโตแรง แม้บ้าน-รถยนต์ชะลอจากภาวะดอกเบี้ยสูง มั่นใจหนี้เสียยังต่ำ 1% ไม่น่ากังวล พร้อมตั้งเป้ารายได้ค่าธรรมเนียมโต 20%

วันที่ 21 มิถุนายน 2566 นายฐากร ปิยะพันธ์ ผู้จัดการใหญ่ ธนาคารทีเอ็มบีธนชาต กล่าวว่า ภาพรวมสินเชื่อรายย่อยในช่วงที่เหลือของปี 2566 ธนาคารคาดว่ายังขยายตัวได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้อยู่ 5-6% หรือมียอดสินเชื่อปล่อยใหม่ 4.3 แสนล้านบาท (ไม่รวมสินเชื่อรถยนต์) โดยสินเชื่อที่คาดว่าจะขยายตัวได้ดีจะเป็นสินเชื่อไม่มีหลักประกัน ทั้งในส่วนสินเชื่อบัตรเครดิต และสินเชื่อส่วนบุคคล ที่จะขับเคลื่อนในช่วงไตรมาสที่ 3 และ 4 ของปีนี้

ขณะที่ผลงานในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ จะเห็นว่าสินเชื่อรายย่อยหลายตัวสามารถเติบโตได้ดี ยกเว้นสินเชื่อที่อยู่อาศัยที่ชะลอตัวจากภาวะดอกเบี้ยขาขึ้น และผู้ประกอบการชะลอเปิดโครงการใหม่ รวมถึงในช่วงเดือนกุมภาพันธ์-มีนาคมมีการชำระหนี้คืน ส่งผลให้ยอดสินเชื่อทรงตัว และคาดว่าจะเห็นแนวโน้มลักษณะนี้ไปถึงสิ้นปี

อย่างไรก็ดี ในส่วนของสินเชื่อที่ไม่มีหลักประกันเติบโตค่อนข้างดีขยายตัวอยู่ที่ 20% โดยยอดใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิต (Spending) เติบโตอยู่ที่ 30% และสินเชื่อส่วนบุคคลขยายตัวกว่า 10% และคาดว่าในช่วงครึ่งหลังจะขยายตัวต่อเนื่อง

ขณะที่สินเชื่อรถยนต์ชะลอลงจากดอกเบี้ยสูงและการคุมเข้มคุณภาพหนี้จากความเสี่ยงด้านหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ที่เป็นข้อกังวลของบริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ (NCB) แม้ว่าสินเชื่อรถใหม่ชะลอตัว แต่ยังมีตัวช่วยสินเชื่อรถยนต์ไฟฟ้า (อีวี) ที่ขยายตัวได้

สำหรับรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ย (ค่าธรรมเนียม) จะเห็นว่าในด้านการลงทุนชะลอตัวลง ทำให้รายได้ค่าธรรมเนียมจากกองทุนยังไม่กลับมา แต่ในส่วนของรายได้ที่มาจากประกันส่วนยังคงขยายตัวเติบโตมากกว่า 20% ทั้งนี้ คาดว่ารายได้ค่าธรรมเนียมทั้งปี 2566 จะเติบโต 20% โดยจะมาจากธุรกิจประกันเป็นสำคัญ เนื่องจากในช่วงปลายปีจะเป็นฤดูกาลซื้อประกันเพื่อลดหย่อนภาษี

ADVERTISMENT

“ตอนนี้เรื่องคุณภาพหนี้ไม่ได้น่ากังวลมากนัก เช่น กลุ่มรถยนต์ที่มีความเสี่ยงและหลายฝ่ายให้ความเป็นห่วง ปัจจุบันก็ไม่ได้สูง หรือบ้านหนี้เสียก็อยู่ 1% ปลาย ๆ สินเชื่อไม่มีหลักประกันก็ต่ำกว่า 1% โดยภาพรวมสินเชื่อก็น่าจะเป็นไปตามเป้าหมาย”

​