กนง.ส่งสัญญาณดอกเบี้ยใกล้จบวัฎจักรขาขึ้น ชี้ตั้งรัฐบาลล่าช้า 2 ไตรมาส ฉุดลงทุน

ปิติ ดิษยทัต
ปิติ ดิษยทัต

กนง.ส่งสัญญาณดอกเบี้ยนโยบายใกล้ถึงจุด Neutral rate สอดคล้องเศรษฐกิจระยะยาว หนุนดอกเบี้ยที่แท้จริงใกล้เป็นบวก ชี้ประชุมรอบถัดไปมีโอกาสขึ้นและคงดอกเบี้ย ยึดตามข้อมูลเศรษฐกิจระยะกลาง-ยาว พร้อมประเมินตั้งรัฐบาลลากยาว 2 ไตรมาส ฉุดความเชื่อมั่น-การลงทุนเอกชน

วันที่ 2 สิงหาคม 2566 นายปิติ ดิษยทัต ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายนโยบายการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า การปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบาย (RP) ในการประชุมครั้งนี้ที่ระดับ 0.25% จาก 2.00% ต่อปี เป็น 2.25% ต่อปี ซึ่งหากนับตั้งแต่การปรับขึ้นดอกเบี้ยในเดือนสิงหาคม 2565 จนถึงปัจจุบัน ถือว่าดอกเบี้ยเข้าใกล้จุด Neutral rate หรือ อัตราดอกเบี้ยนโยบายที่สอดคล้องกับเศรษฐกิจในระยะยาว

อย่างไรก็ดี มองไประยะข้างหน้ายังคงมีความไม่แน่นอนระยะสั้นทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งการประชุมในรอบถัดไปยังจำเป็นต้องดูแนวโน้มเศรษฐกิจ โดยอาศัยข้อมูลระหว่างนี้เพื่อพิจารณา Outlook ทั้งในแง่ของเศรษฐกิจและอัตราเงินเฟ้อ ซึ่งเศรษฐกิจระยะปานกลางจะมีบริบทมากขึ้น

ทั้งนี้ จะเห็นว่าตลาดมีการคาดการณ์ กนง.จะปรับขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.25% ต่อปี ในรอบการประชุมครั้งนี้ และมีหลายแห่งคาดว่ารอบการประชุมครั้งถัดไปจะขึ้นและหยุดดอกเบี้ยไว้ อย่างไรก็ดี มองว่า จะขึ้นหรือคงดอกเบี้ย ซึ่งมีความเป็นไปได้ทั้งคู่ เพราะ กนง.ต้องดูข้อมูลที่จะมีผลต่อเศรษฐกิจ โดยไม่มีการปักหมุดไว้ชัดเจน

สำหรับแนวโน้มเศรษฐกิจ มองว่าตัวเลขการส่งออก ซึ่งออกมาแย่กว่าคาด แต่เป็นปัจจัยชั่วคราว ส่วนหนึ่งมาจากสินค้าอิเล็กทรอนิกส์มีการสะสมสต๊อกไว้ไม่ได้ฟื้นตัวต่อเนื่อง แต่ในระยะต่อไปจะฟื้นตัว ส่วนสินค้าเกษตรและเกษตรแปรรูปแผ่วกว่าที่คิด ทำให้ภาพรวมการส่งออกชะลอกว่าคาด ซึ่งอาจจะกระทบเศรษฐกิจบ้าง แต่โดยรวมเศรษฐกิจฟื้นตัวต่อเนื่อง ขณะที่อัตราเงินเฟ้อปรับลดลงตามคาด แต่แนวโน้มครึ่งปีหลังและปีหน้ามีทิศทางจะเพิ่มขึ้น

อย่างไรก็ตาม กนง.ยังมีความเสี่ยง 3 ปัจจัย ที่ต้องติดตาม คือ 1.เศรษฐกิจโลกยังไม่แน่นอนอยู่ แม้สหรัฐมีข่าวดีที่ตัวเลขต่าง ๆ ออกมาดีกว่าคาด แต่จีนกับอียูตัวเลขลดลง สะท้อนพัฒนาการที่ไม่แน่นอน 2.ความไม่แน่นอนทางการเมืองไทย ที่มีผลต่อนโยบายภาครัฐในอนาคตที่ค่อนข้างสูง และ 3.คือปัจจัยเรื่องภัยแล้ง ที่เอลนีโญกระทบรุนแรงและลากยาวกว่าที่คาดได้ ซึ่งจะส่งผลต่อเรื่องราคาอาหาร

“โดยรวมเราเข้าใกล้จุดถอนคันเร่งเกือบหมดมากขึ้น และมองไปข้างหน้าใกล้จุด Neutral rate ซึ่งจะเป็นการฟื้นตัวเข้าใกล้ศักยภาพ ไม่ใช่เกินศักยภาพ ทั้งเงินเฟ้อและเศรษฐกิจ โดยดอกเบี้ยที่แท้จริง (Real Interest Rate) ใกล้เป็นบวกแล้ว แต่ก็เป็นเพียงปัจจัยหนึ่งที่เข้าใกล้ Neutral rate ซึ่งไม่ใช่แค่นี้ เรายังต้องดูข้อมูลเศรษฐกิจและต้องปรับอะไรเพิ่มเติม แต่ภาพรวมข้อมูลใหม่เศรษฐกิจระยะสั้นแผ่วลงบ้าง แต่เศรษฐกิจปี 2567 ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปมาก”

นายปิติกล่าวเพิ่มเติม สำหรับความไม่แน่นอนทางการเมือง มองว่าการจัดตั้งรัฐบาลมีความล่าช้ากว่าที่คาด ซึ่งจากเดิมคาดว่าจะล่าช้าเพียง 1 ไตรมาส แต่ปัจจุบันคาดว่าจะล่าช้า 2 ไตรมาส ซึ่งหากการจัดตั้งรัฐบาลลากยาวไป ซึ่งมีผลต่อการจัดทำงบประมาณ และการทำนโยบายภาครัฐ ซึ่งอาจจะกระทบต่อความเชื่อมั่น และการลงทุนภาคเอกชน ทั้งในประเทศและการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) อย่างไรก็ดี อาจจะไม่กระทบต่อรายจ่ายประจำ แต่จะกระทบต่อเม็ดเงินลงทุนในโครงการใหม่ ๆ ซึ่งเม็ดเงินอาจจะไม่มาก