SET ปลุกเชื่อมั่น ลุ้นนโยบายรัฐดึงฟันด์โฟลว์

SET ปลุกเชื่อมั่น

ผ่านพ้นไปแล้วสำหรับงาน Thailand Focus ปี 2566 ที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) จัดขึ้น เมื่อวันที่ 23-25 ส.ค.ที่ผ่านมา เป็นครั้งที่ 17 ภายใต้แนวคิด “The New Horizon” ที่เป็นการเปิดมุมมองใหม่ให้แก่ผู้ลงทุนถึงศักยภาพการเติบโตของอุตสาหกรรมที่จะเป็นจุดขายใหม่ของประเทศและตลาดทุนไทย แม้ปีนี้จะไม่มีแม่ทัพด้านเศรษฐกิจของรัฐบาลมาเรียกความเชื่อมั่น

เพราะยังจัดตั้งรัฐบาลใหม่ไม่เสร็จ แต่ก็ถือว่าได้รับการตอบรับจากนักลงทุนพอสมควร และหลังจากโหวตนายกรัฐมนตรีเสร็จ ก็เห็นภาพดัชนีตลาดหุ้นไทยที่ปรับตัวดีขึ้นแล้วกว่า 20 จุด

นักลงทุนทั่วโลกยังให้ความสนใจ

โดย “แมนพงศ์ เสนาณรงค์” รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานผู้ออกหลักทรัพย์ ตลท. กล่าวว่า ปีนี้มีผู้ลงทุนสถาบันทั่วโลกกว่า 200 ราย จาก 96 สถาบันทั่วโลก แยกเป็นกองทุนในประเทศ 42 ราย และกองทุนต่างประเทศ 54 แห่ง รวมถึงมีบริษัทจดทะเบียนไทย (บจ.) เข้ามาให้ข้อมูลทั้งหมดกว่า 118 บริษัท

หนุนรัฐบาลใหม่กระตุ้นเศรษฐกิจ

ขณะที่ “ดร.กอบศักดิ์ ภูตระกูล” ประธานกรรมการ สภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยในครึ่งปีหลังนี้ หากการเมืองนิ่ง กระแสเงินทุนเคลื่อนย้าย (ฟันด์โฟลว์) จะกลับมาได้มากขึ้น อย่างไรก็ดี นักลงทุนต่างชาติอาจจะกำลังพิจารณาแนวนโยบายของรัฐบาลใหม่ด้วย ว่าจะสร้างอนาคตอย่างแท้จริงได้แค่ไหน เพราะการลงทุนของต่างชาติจะเป็นระยะยาว 5-10 ปี

“โจทย์หลักของรัฐบาลใหม่ คือ การประคองเศรษฐกิจไทยให้ผ่านช่วงคับขันที่สุดช่วงหนึ่งของเศรษฐกิจโลกไปให้ได้ เพื่อให้เศรษฐกิจไทยเติบโตได้ 3% และในช่วงต้นปี 2567 ต้องเร่งกระตุ้นเศรษฐกิจ จากปัญหาเรื่องงบประมาณที่ล่าช้าออกไป 3 เดือน รวมถึงเมื่อมีโอกาสเกิดขึ้น ไทยจะต้องหยิบฉวยโอกาสไว้ให้ได้”

โดยในครึ่งหลังปีนี้ เศรษฐกิจไทยจะมีภาคท่องเที่ยวเป็นเครื่องยนต์หลักช่วยผลักดัน หากปลายปีมีนักท่องเที่ยวเข้ามาได้เพิ่มเป็น 3 ล้านคนต่อเดือน ก็จะทำให้ทั้งปีมีนักท่องเที่ยวแตะระดับ 29-30 ล้านคนได้

ADVERTISMENT

“ขอให้รัฐบาลใหม่ช่วยภาคท่องเที่ยว ทำขั้นตอนวีซ่าให้ง่าย เพื่อสนับสนุนคนจีนเดินทางมาไทยมากขึ้น รวมถึงเพิ่มไฟลต์คนญี่ปุ่น และโปรโมตนักท่องเที่ยวตลาดใหม่ ๆ เพิ่มเติม เช่น อินเดีย, อิสราเอล, ตะวันออกกลาง เป็นต้น หากเราพลิกฟื้นภาคท่องเที่ยวให้เข้มแข็ง ในช่วง 3 เดือนสุดท้าย เชื่อว่าเศรษฐกิจไทยจะประคองตัวไปได้ดี”

ต่างชาติลุ้นนโยบายรัฐ-รอซื้อหุ้นไทย

“ศุภโชค ศุภบัณฑิต” กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เชื่อว่านักลงทุนต่างชาติยังรอซื้อหุ้นไทยอยู่ โดยกำลังเฝ้ารอดูว่านโยบายของรัฐบาลใหม่ที่จะออกมาจะเป็นผลบวกต่อกลุ่มอุตสาหกรรมไหนบ้าง

ADVERTISMENT

“การลงทุนของนักลงทุนต่างชาติตอนนี้ไม่ได้โฟกัสเฉพาะแค่เพียงตามดัชนีเท่านั้น แต่เน้นเลือกรายตัว หรือเฉพาะกลุ่มที่คาดว่าจะได้ประโยชน์มากขึ้น ซึ่งสะท้อนได้จากตอนนี้ที่ตลาดอาจปรับตัวนิ่ง ๆ แต่หุ้นบางกลุ่ม อาทิ กลุ่มค้าปลีก โรงพยาบาล โรงแรม ก็ยังปรับตัวเพิ่มขึ้นดีกว่าตลาด”

“ฐาปน พานิช” รองกรรมการผู้จัดการ บล.ทิสโก้ จำกัด กล่าวว่า คาดว่าในช่วง 1-2 ไตรมาสข้างหน้า ตราบใดที่ทุกอย่างยังเป็นไปตามแผน ก็น่าจะเห็นการฟื้นตัวกลับ แต่จะนานเท่าไรนั้นยังต้องดูชอตต่อไป โดยเฉพาะหากผ่านพ้นช่วงฮันนีมูนกับพรรคร่วมรัฐบาล ทางรัฐบาลชุดใหม่จะทำอะไรต่อ และภาวะเศรษฐกิจไทยจะไปต่ออย่างไร รวมถึงรัฐบาลต้องใส่เงินอัดฉีดเพิ่มหรือไม่

“จุดเปลี่ยนที่ทำให้ต่างชาติกลับมาซื้อหุ้นไทยได้นั้น ผมว่ารัฐบาลจัดตั้งได้ ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่ยังต้องจับตาต่อไปว่าพรรคร่วมรัฐบาล 14 พรรค จะไปได้ไหม รวมถึงตลาดเพื่อนบ้าน ซึ่งหากบางจุดอิ่มตัว และเมืองไทยมีสตอรี่ที่น่าสนใจ ก็อาจดึงดูดเม็ดเงินบางส่วนไหลกลับเข้ามาได้”

แนะพับแผนเก็บภาษีขายหุ้น

“นริศรา วิเศษโกสิน” Head of Thailand Institutional Business บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) กล่าวว่า จุดเปลี่ยนที่สำคัญอยู่ที่รัฐบาลจะออกนโยบายอะไรมากระตุ้นเศรษฐกิจ และการจัดเก็บภาษีขายหุ้นคงต้องพับแผนไว้ก่อน ซึ่งคาดว่าจะช่วยให้การแข่งขันและความน่าสนใจต่อตลาดหุ้นไทยในมุมมองนักลงทุนต่างชาติปรับตัวเพิ่มมากขึ้นได้

จับตาตลาดหุ้นสหรัฐเดือน ก.ย.ปรับฐาน

“ประกิต สิริวัฒนเกตุ” กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนเมอร์ชั่น พาร์ทเนอร์ จำกัด กล่าวว่า หลังจากได้นายกรัฐมนตรีคนใหม่ อาจจะเรียกความเชื่อมั่นจากนักลงทุนต่างชาติกลับมาได้บ้าง แต่ประเมินทิศทางฟันด์โฟลว์คงยังไม่ฟื้นตัวแรง เพราะตอนนี้ยังเป็นการบริหารของรัฐบาลรักษาการอยู่

อย่างไรก็ตาม คาดว่าในระยะสั้นฟันด์โฟลว์น่าจะไหลเข้าซื้อพันธบัตรไทยมากที่สุด เมื่อเทียบกับประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาค ขณะที่ฟันด์โฟลว์ในตลาดหุ้นไทยก็คาดว่าน่าจะปรับตัวดีต่อไปได้ในช่วงเดือน ส.ค.นี้

แต่ในเดือน ก.ย. 2566 มีความเสี่ยงจากปัจจัยต่างประเทศ ที่น่าจะมีความวุ่นวายจากการปรับฐานของตลาดหุ้นสหรัฐ และที่สำคัญปัจจัยในประเทศจะหมดข่าวดี หลังจากได้นายกรัฐมนตรีและจัดตั้งรัฐบาลสำเร็จ แต่จะเจอปัญหาเศรษฐกิจและงบประมาณปี 2567 ที่ล่าช้า

“ตอนนี้ต้องรื้อกรอบงบประมาณ กว่าจะผ่าน น่าจะเป็นปลายไตรมาส 1/2567 หรือต้นไตรมาส 2/2567 ที่กว่าจะได้ใช้ ดังนั้น เชื่อว่าตลาดหุ้นไทยน่าจะเหี่ยวเฉาลง อย่างไรก็ดี มองกรอบเคลื่อนไหวของดัชนีหุ้นไทย (SET Index) ในเดือน ก.ย. ที่บริเวณ 1,500 จุด น่าจะเอาอยู่ ส่วนเป้าหมาย SET Index ช่วงสิ้นปีนี้ ยังยากที่จะประเมิน เพราะยังกลัวตลาดหุ้นสหรัฐ”

“ประกิต” กล่าวด้วยว่า นโยบายของรัฐบาลเพื่อไทยคาดว่าน่าจะออกมาเป็นชุด ๆ รัว ๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อกระตุ้นความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจ คล้าย ๆ กับช่วงของพรรคไทยรักไทย

“นโยบายชุดแรกที่น่าจะทำได้ก่อน คือ เงินดิจิทัลวอลเลต 10,000 บาท แต่ทั้งนี้ คงไม่ได้ใช้งบฯทีเดียว 5 แสนล้านบาท แต่จะเป็นการทยอยแจก และในระยะถัดไปคงเป็นนโยบายเรื่องค่าแรงขั้นต่ำ ที่จะทยอยปรับเพิ่มขึ้น”

น่าจับตาจริง ๆ สำหรับแนวโน้มตลาดหุ้นไทย ทั้งในระยะใกล้ช่วงที่เหลือของปีนี้ และระยะยาวที่ต้องมีการ “สร้างเสน่ห์” ให้เป็นที่น่าสนใจของนักลงทุนทั่วโลก ซึ่งทั้งหมดนี้ ขึ้นกับนโยบายด้านเศรษฐกิจของรัฐบาลชุดใหม่