บล.เอเซีย พลัส วิเคราะห์ 3 แหล่งเงินทุน ทำนโยบายแจกเงินดิจิทัลวอลเลต 10,000 บาท “จัดสรรงบประมาณ-กู้เงิน-คลังลดสัดส่วนถือหน่วยลงทุนกองทุนวายุภักษ์ให้ กบข.และประกันสังคม” คาดเริ่มใช้ได้ไตรมาสแรกปีหน้า
วันที่ 8 กันยายน 2566 ฝ่ายวิจัยบริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด (ASPS) รายงานว่า รัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน ที่กำลังหาช่องทางระดมเงินใช้ทำนโยบายแจกเงินดิจิทัลวอลเลต 10,000 บาท โดยอาจสามารถเริ่มใช้ได้ในช่วงไตรมาส 1 ปี 2567 ส่วนแหล่งเงินที่จะใช้ในการดำเนินนโยบายดังกล่าวนั้น ประเมินว่าอาจมีที่มาจาก 3 ส่วน ประกอบด้วย
- เปิด 10 อันดับที่ดินต่างจังหวัด แพงสุดในประเทศไทย
- ประวัติ ลอว์เรนซ์ หว่อง นายกฯคนใหม่สิงคโปร์ เขาเป็นใคร มาจากไหน
- สถิติหวย ตรวจหวย ผลสลากกินแบ่งรัฐบาล งวด 16 พ.ค. ย้อนหลัง 10 ปี
1.การจัดสรรงบประมาณ โดยความเห็นจากสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) ระบุไว้ว่า แหล่งที่มาของเม็ดเงินน่าจะมาจาก 3 แหล่ง ได้แก่
- รายรับจากภาษีของรัฐบาลในปี 2567 ซึ่งประมาณการว่าจะเพิ่มขึ้น 2.6 แสนล้านบาท
- การบริหารจัดการงบประมาณ และปรับสวัสดิการที่ซ้ำซ้อน 2 แสนล้านบาท
- การจัดเก็บภาษีที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นจากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจอีก 1 แสนล้านบาท
2.การกู้เงิน โดยประเทศไทยมีหนี้สาธารณะต่อ GDP อยู่ที่ 61.15% (ข้อมูลล่าสุดเดือน มิ.ย. 2566) ซึ่งตามกรอบวินัยการคลัง สามารถกู้เพิ่มได้จนกว่าหนี้สาธารณะต่อ GDP จะอยู่ที่ระดับ 70% ซึ่งจะกู้เพิ่มได้อีกราว 1.58 ล้านล้านบาท (บนสมมติฐาน GDP ระดับ 17.86 ล้านล้านบาท) แต่โดยหลักการแล้วไม่ควรกู้จนเต็มเพดานหนี้
3.กระทรวงการคลังอาจลดสัดส่วนการถือหน่วยลงทุนในกองทุนวายุภักษ์ให้กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) และสำนักงานประกันสังคม โดยฝ่ายวิจัยประเมินว่าสามารถทำได้ และได้เงินระยะสั้นปริมาณมาก รวมถึงตลาดหุ้นได้รับผลกระทบจากความผันผวนจากประเด็นดังกล่าวจำกัด
เนื่องจากกองทุนวายุภักษ์เป็นกองทุนที่มีขนาดใหญ่สุดในประเทศไทย ล่าสุดมีมูลค่าพอร์ตอยู่ที่ 3.47 แสนล้านบาท รองรับเงินที่ใช้ในการกระตุ้นเศรษฐกิจตามนโยบายได้พอสมควร เบื้องต้นได้รวบรวมหุ้นที่กองทุนวายุภักษ์เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ดังนี้
ขณะที่กองทุนประกันสังคม มีเงินในพอร์ตลงทุนสิ้นปี 2565 ที่ 2.27 ล้านล้านบาท เป็นสัดส่วนหุ้นไทย 11.05% หรือราว 2.51 แสนล้านบาท ส่วน กบข.มีเงินในพอร์ตลงทุน ณ สิ้นเดือน มิ.ย. 2566 ที่ 4.65 ล้านล้านบาท เป็นสัดส่วนหุ้นไทย 4.28% หรือ 2 หมื่นล้านบาท (ในอดีตถือหุ้นไทยราว 7% ของพอร์ตรวม)
แสดงให้เห็นว่า กบข.และสำนักงานประกันสังคมมีขนาดใหญ่พอ และน่าจะรองรับการขายหุ้นของกองทุนวายุภักษ์ทำให้ได้เงินมาพอสมควร
สรุปการหาแหล่งเงินทุนจากนโยบายพรรคเพื่อไทย ฝ่ายวิจัยประเมินว่ามีความเป็นไปได้สูงจากทางเลือกที่หลากหลายทั้ง 3 แนวทางที่กล่าว ซึ่งจะหนุนให้การดำเนินนโยบายต่าง ๆ มีความราบรื่นมากขึ้น