“ชาติศิริ” มองท่องเที่ยว-มาตรการรัฐหนุนเศรษฐกิจไทยโตได้ 3% ลุยธุรกิจต่างประเทศ

ชาติศิริ โสภณพนิช
ชาติศิริ โสภณพนิช

“ชาติศิริ” ธนาคารกรุงเทพ มองเศรษฐกิจไทยยังโตต่อเนื่องที่ระดับ 3% เชื่อมาตรการภาครัฐกระตุ้นหนุนเศรษฐกิจ-ท่องเที่ยวโตตามเป้า 30 ล้านคน ด้านดอกเบี้ยพิจารณาอย่างระมัดระวัง-เหมาะสมกับลูกค้าและต้นทุนแบงก์ คุณภาพลูกหนี้ปรับดีขึ้น พร้อมเดินหน้าธุรกิจต่างประเทศ หลังมีสัดส่วนรายได้ 25%

วันที่ 13 กันยายน 2566 นายชาติศิริ โสภณพนิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ภาพรวมเศรษฐกิจไทยในปี 2566 ยังคงขยายตัวต่อเนื่อง คาดว่าจะเติบโตในระดับ 3% ซึ่งยังมองว่าการส่งออกยังเป็นหัวใจสำคัญ แม้ว่าที่ผ่านมาจะชะลอตัวไปบ้างก็ตาม แต่ยังอยู่ในเกณฑ์ที่ดี ขณะที่ภาคการท่องเที่ยวเติบโตต่อเนื่อง โดยมีจำนวนนักท่องเที่ยวเข้ามาเฉลี่ยเดือนละ 2 ล้านคน ส่งผลให้ทั้งปีจำนวนนักท่องเที่ยวคงเป็นไปตามประมาณการที่ 30 ล้านคนได้

ดังนั้น จากภาพรวมเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวและไปได้ดีพอสมควร ทำให้ภาพธุรกิจของธนาคารกรุงเทพขยายตัวสอดคล้องกัน และยังเป็นไปตามเป้าหมายที่ธนาคารตั้งไว้ โดยธนาคารยังคงเดินหน้าสนับสนุนการเติบโตของลูกค้า แม้ว่าการเติบโตจะแตกต่างกันในแต่ละเซ็กเมนต์ ขณะที่คุณภาพสินเชื่อพบว่าปรับตัวดีขึ้นตามภาพเศรษฐกิจ

อย่างไรก็ดี ตัวหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) อาจจะมีการปรับขึ้นและปรับลงได้ในแต่ละไตรมาส โดยไตรมาสที่ 2/2566 อยู่ที่ 2.9% แต่โดยภาพรวมยังอยู่ในกรอบบริหารจัดการ และไม่ได้เป็นปัญหาแต่อย่างใด

“ภาพรวมเศรษฐกิจไปได้ดีพอสมควร และมาตรการต่าง ๆ ของภาครัฐก็เป็นสิ่งที่ดีที่จะเข้ามาช่วยสนับสนุนและขับเคลื่อนเศรษฐกิจไปได้ โดยรัฐบาลใหม่ภายใต้นายกรัฐมนตรีคนใหม่ก็มีความตั้งใจเต็มที่ที่มีความคิดที่จะทำให้ประเทศก้าวหน้า”

Advertisment

ขณะที่ทิศทางอัตราดอกเบี้ยนั้น จะเห็นว่าธนาคารพยายามระมัดระวังให้มีผลต่อลูกค้าน้อยที่สุด เพื่อให้ลูกค้าสามารถประคับประคองธุรกิจได้ ซึ่งการพิจารณาปรับอัตราดอกเบี้ยอาจจะต้องรอดูสถานการณ์ตลาดอีกสักระยะ และดูรอบด้าน ภายใต้การบริหารจัดการต้นทุนและดอกเบี้ยให้เหมาะสมกับลูกค้า และสินเชื่อแต่ละประเภท ซึ่งคาดว่าทุกธนาคารก็พยายามบริหารดอกเบี้ยไม่ให้เป็นปัญหาต่อลูกค้า

นายชาติศิริกล่าวต่อไปว่า สำหรับภาพรวมธุรกิจต่างประเทศนั้น ธนาคารยังคงใช้เครือข่ายสาขาที่มีอยู่ในการสนับสนุนการเติบโตธุรกิจของลูกค้า และการปรับตัวสู่ซัพพลายเชนของโลก อย่างไรก็ดี แม้ว่าเศรษฐกิจจีนจะชะลอตัวและมีปัญหา แต่ธนาคารยังคงมองว่าเป็นประเทศที่ยังมีศักยภาพระยะยาว เพราะจะเห็นว่ามีเศรษฐีจีนออกมาลงทุนในตลาดอาเซียนและไทยต่อเนื่อง

ซึ่งธนาคารก็พยายามทำธุรกิจกับจีน เช่นเดียวกับตลาดอินโดนีเซียผ่านธนาคารเพอร์มาตา ที่จะช่วยขยายฐานลูกค้าที่กว้างขึ้น โดยปัจจุบันสัดส่วนรายได้จากธุรกิจต่างประเทศอยู่ที่ 25% ของรายได้รวมทั้งหมด

ทั้งนี้ แม้ว่าในปีที่ผ่านมาธนาคารได้ปิดทำการสาขาปากเซ ในประเทศลาว แต่ยังทำธุรกิจในลาวอยู่ผ่านสาขาเวียงจันทน์ ซึ่งลาวยังมีศักยภาพในการขยายตัว อย่างไรก็ดี แผนของธนาคารจะมีอย่างน้อย 1 สาขาในแต่ละประเทศที่เข้าไปทำธุรกิจ

Advertisment