หุ้นไทยต่ำสุดในรอบ 3 ปี ปิดเช้าดิ่งเกือบ 20 จุด เสี่ยงหลุด 1,400 จุด

ตลาดหุ้น

หุ้นไทยต่ำสุดในรอบเกือบ 3 ปี ปิดภาคเช้าดิ่งเกือบ 20 จุด เสี่ยงหลุด 1,400 จุด บล.ฟิลลิป คาดภาคบ่ายยังปรับตัวลง กังวลเฟดส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ย-ฟันด์โฟลว์ไหลออกกดดันหุ้น Big Cap ระวังแรงขายท้ายตลาดจากการถูกบังคับปิดสถานะของนักลงทุนรายย่อย

วันที่ 20 ตุลาคม 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหวของดัชนีหุ้นไทย (SET Index) ปิดตลาดภาคเช้าวันนี้ ยืนอยู่ที่บริเวณ 1,404.59 จุด ลดลง 18.45 จุด หรือติดลบ 1.30% มีมูลค่าการซื้อขายรวม 27,388.79 ล้านบาท

โดยลงไปทำจุดต่ำสุดที่บริเวณ 1,401.59 จุด ลดลงกว่า 21.45 จุด กลุ่มหุ้น SET50 ลดลง 1.26% และกลุ่ม mai ลดลง 1.23%

โดยหุ้นที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 20 อันดับแรก ส่วนใหญ่ราคาหุ้นดิ่ง ประกอบด้วย HANA -3.88%, BBL -0.59%, TISCO -1.28%, SCB -0.97%, TOP -1.28%, IVL -5.69%, PTT -0.75%, KCE -4.15%,

JMT -3.76%, ADVANC -2.21%, DELTA -2.68%, CPALL -0.44%, AOT -1.10%, SCC -1.03%, BANPU -0.63%

ทั้งนี้ดัชนี SET Index ถือเป็นจุดต่ำสุดในรอบเกือบ 3 ปี นับจากที่ลงไปจุดต่ำสุดเมื่อวันที่ 30 ต.ค. 2563 โดยลงไปทดสอบระดับ 1,194.95 จุด

บริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป รายงานว่า ดัชนี SET Index ภาคเช้าปิดลบกว่า 18.45 จุด (-1.30%) อยู่ที่ 1,404.59 จุด โดยดัชนีภาคเช้าทำโลว์ที่ 1,401.59 จุด แรงกดดันอยู่ในทุกเซ็กเตอร์ นำโดยหุ้น Big Cap ทั้ง DELTA, ADVANC, AOT และ PTT เป็นต้น

สำหรับมุมมองตลาดภาคบ่ายวันนี้ คาดดัชนี SET Index จะยังปรับตัวลงต่อจาก 1.ธนาคารกลางหลักยังส่งสัญญาณขึ้นอัตราดอกเบี้ย แม้ Fed Watchtool ชี้รอบประชุม FOMC เดือน พ.ย. 2566 จะไม่ขึ้นดอกเบี้ย แต่ถ้อยแถลงของประธานเฟด ยังหนุนขึ้นดอกเบี้ยอีก 1 ครั้ง ทำให้อาจเป็นการขึ้นดอกเบี้ยในรอบประชุมเดือน ธ.ค. 2566

2.แนวโน้มเงินลงทุนต่างชาติ (Fund Flow) ไหลออกจากหุ้นไทยไปแล้วกว่า 8.8 พันล้านบาท นับจากต้นเดือนตุลาคม (MTD) และขายกว่า 1.66 แสนล้านบาท นับจากต้นปี (YTD) ซึ่งกดดันหุ้น Big Cap และ 3.หากดัชนีปรับตัวลงมาก ให้ระวังแรงขายท้ายตลาดจากการถูกบังคับปิดสถานะของนักลงทุนรายย่อย (Force Close)

ซึ่งจะส่งให้เป็นภาพลบทาง Technical จากกราฟแท่งเทียนที่เป็นแท่งแดงยาว อย่างไรก็ตาม ลุ้นแรงพยุงตลาดจาก 1.การเผยงบฯไตรมาส 3/2566 ของกลุ่มแบงก์ที่สดใส และ 2.ทางฝ่ายมองเป็นจังหวะเข้าซื้อหุ้นกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง

จากแนวโน้มการผลักดันโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานเข้าคณะรัฐมนตรี (ครม.) สำหรับวอลุ่มตลาดในภาคบ่าย มองอาจเริ่มเบาบางจากวันหยุดยาว 3 วัน

Top Pick หุ้นคือ WHA มองยังได้แรงหนุนจาก 1.แรงกดดันจากปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ ทำให้ภาคธุรกิจยังกังวลต่อ มาตรการกีดกันทางการค้า ซึ่งจะสนับสนุนต่อการย้ายฐาน ประกอบกับบริษัทรถยนต์จากจีนจำนวนมาก มีความสนใจตั้งโรงงานในไทยเพื่อเป็นฮับของยานยนต์ BEV ในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งไทยมีความพร้อมด้าน Supplier สนับสนุนแข็งแกร่ง

2.แนวโน้มรายได้จากค่าสาธารณูปโภคในนิคมฟื้นตัวต่อเนื่อง โดย WHA ในงวดไตรมาส 2/2566 มีรายได้ส่วนนี้ที่ 787 ล้านบาท (+19% YOY) จากกำลังการผลิตในนิคมที่เพิ่มขึ้น หลังอุปสงค์สินค้าและกำลังการผลิตฟื้นตัวหลังจบโควิดไปแล้ว

นายอาทิตย์ จันทร์สว่าง นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์กรุงศรีฯ เปิดเผยว่า ดัชนี SET Index มีความกังวลสถานการณ์สู้รบระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มฮามาส ที่มีแนวโน้มรุนแรงขึ้น หลังอิสราเอลสั่งกำลังทหารปิดล้อมฉนวนกาซา นอกจากนี้ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้ส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อควบคุมเงินเฟ้อหลังเศรษฐกิจสหรัฐยังคงแข็งแกร่งและตลาดแรงงานตึงตัว ส่งผลให้บอนด์ยีลด์สหรัฐพุ่งขึ้น ซึ่งกดดันภาวะตลาดในช่วงนี้

ส่วนวานนี้ดัชนี SET Index ร่วง 15 จุด (-1.03%) ปิดที่ระดับ 1,423 จุด ปรับลงในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นทั่วโลก กังวลบอนด์ยีลด์สหรัฐพุ่งทำสถิติสูงสุดในรอบ 16 ปี สะท้อนดอกเบี้ยยังมีโอกาสปรับขึ้นเป็นลบต่อ Sentiment การลงทุนในตลาดหุ้น

บล.ฟินันเซีย ไซรัส รายงานว่า ดัชนี SET หลุดลงต่ำกว่าแนวรับล่าสุดที่ 1,416 จุด มีโอกาสลงไปที่เป้าหมายตามที่คาดการณ์ไว้บริเวณ 1,407 จุด และ 1,400 จุด แต่หากยังลงต่อ จะมีเป้าหมายในโซนล่างที่ 1,388 จุด และ 1,340 จุด