สัญญาณต่างชาติโยกเงิน Money Market เข้าหุ้น EM ตลาดทุนไทยเร่งฟื้นเชื่อมั่นดึงสภาพคล่อง

ไพบูลย์ นลินทรางกูร

“ไพบูลย์” นายกสมาคมนักวิเคราะห์การลงทุน ชี้สัญญาณต่างชาติโยกเงินที่พักไว้ Money Market Fund ไหลเข้าตลาดหุ้น EM รวมถึงไทย หลังประสบวิกฤตศรัทธา “กอบศักดิ์” นำทัพสภาธุรกิจตลาดทุน เข้าพบคลังสัปดาห์หน้า ขอจัดตั้งกองทุนภาษีใหม่ ต่ออายุ SSF หวังดึงเม็ดเงินระยะยาว เร่งฟื้นความเชื่อมั่นดึงสภาพคล่อง “ภากร” ผู้จัดการตลาดหุ้น ชี้เศรษฐกิจไทย-รายได้ บจ.แกร่ง ภาคธุรกิจมีการระดมทุนต่อเนื่อง

วันที่ 8 พฤศจิกายน 2566 นายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ทิสโก้ จำกัด ในฐานะนายกสมาคมนักวิเคราะห์การลงทุน (IAA) กล่าวว่า ปี 2566 เป็นปีที่ดีสำหรับตลาดหุ้นโลก นับจากต้นปีถึงปัจจุบัน (YTD) ผลตอบแทนหุ้นโลกปรับตัวเพิ่มขึ้นมาประมาณ 10% โดยตลาดหุ้นสหรัฐเพิ่มขึ้นกว่า 15% ในขณะที่ผลตอบแทนตลาดหุ้นไทยไม่ค่อยเพอร์ฟอร์มหรือเกือบจะแย่สุดในโลก ติดลบไปกว่า 15%

“ส่วนใหญ่ตลาดหุ้นโลกจะปรับตัวดีในช่วงครึ่งปีแรก ส่วนครึ่งปีหลังจะเห็นแรงเทขายลงมา จากทิศทางบอนด์ยีลด์ที่ปรับตัวสูง และความผันผวนจากภาวะสงครามอิสราเอลกับกลุ่มฮามาส แต่ความน่าสนใจคือทุก ๆ ครั้งที่มีการเทขายหุ้น มักจะมีแรงซื้อกลับเข้ามาทันที

ซึ่งนั่นเป็นเหตุผลให้ตลาดหุ้นสหรัฐยืนบวกได้ ทั้งที่หากไม่มีแรงซื้อกลับ ตลาดหุ้นสหรัฐต้องติดลบไปแล้วเกือบ 20% จากข่าวร้ายต่าง ๆ สะท้อนถึงความมั่นใจของนักลงทุนที่มีต่อภาพเศรษฐกิจสหรัฐและเศรษฐกิจโลกอาจจะไม่แย่ แค่สโลว์ดาวน์ และนักลงทุนยังเชื่อว่าตลาดหุ้นโลกยังไปได้ต่อในปี 2567 ซึ่งเป็นประเด็นสำคัญสำหรับตลาดหุ้นไทย”

Advertisment

EM ดาวเด่นปีหน้า กองทุนระยะสั้นโยกเงิน MMF เข้าตลาดหุ้น

ทั้งนี้มองว่าในอีก 12 เดือนข้างหน้า ภาวะเงินเฟ้อไม่น่าจะมีปัญหาแล้ว ประกอบกับธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) น่าจะใกล้จบรอบวงจรดอกเบี้ยขาขึ้น โดยคาดว่ากลางปี 2567 เป็นต้นไป เฟดน่าจะเริ่มมองการลดดอกเบี้ย ซึ่งจะเป็นจุดกลับที่จะเกิดแรงกระตุ้นให้เงินเข้ากลับสู่ตลาดหุ้น

และหัวใจสำคัญคือกำไรบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ทั่วโลกมีทิศทางดีขึ้น ช่วงไตรมาส 3/2566 ติดลบน้อยลง ประกอบกับนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่าในปี 2567 ตลาดหุ้นทั่วโลกจะกลับสู่ขาขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ (Emerging Market) จะเป็นตลาดที่เติบโตเร็วที่สุด ซึ่งตลาดหุ้นไทยเป็นส่วนหนึ่งของ Emerging Market

โดยตอนนี้เริ่มเห็นสัญญาณเม็ดเงินลงทุนต่างชาติ (ฟันด์โฟลว์) ไหลเข้าสู่ตลาดหุ้น Emerging Market เพื่อไปรอไว้แล้ว โดยเป็นการไหลออกจากกองทุนตลาดเงิน (Money Market Fund) จากก่อนหน้านี้ที่นักลงทุนมีความกังวล ประกอบกับปีนี้เป็นปีที่ดอกเบี้ยระยะสั้นของสหรัฐสูงถึง 5% จึงเห็นการโยกเงินไปพักไว้ที่กองทุนตลาดเงิน

“เงินที่พักไว้ใน MMF คาดว่าจะค่อย ๆ ไหลออก ตามที่คาดการณ์ทิศทางดอกเบี้ยเฟดจะกลับทิศเป็นการลดดอกเบี้ยในปีหน้า เพราะเม็ดเงินที่พักไว้เป็นกองทุนระยะสั้นที่ต้องหาที่ไป” นายไพบูลย์ กล่าว

Advertisment

ฟื้นความเชื่อมั่นดึงสภาพคล่อง

สำหรับทิศทางตลาดหุ้นไทยในปีนี้รีเทิร์นติดลบไปกว่า 15% แม้ว่าจะได้รับผลกระทบบอนด์ยีลด์และภาวะสงครามเหมือนกับตลาดหุ้นต่างประเทศ แต่ไม่มีแรงซื้อกลับ เป็นเพราะ 1.ความมั่นใจของนักลงทุนยังไม่กลับมา และ 2.เม็ดเงินระยะยาวหายไปจากตลาดหุ้นไทย เช่น เม็ดเงินกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF)

“ตลาดหุ้นไทยครึ่งปีหลังติดลบ 10% ขณะที่ตลาดหุ้นอื่นติดลบแค่ 5% นี่คือปัญหาหลัก และในครึ่งปีแรกหุ้นไทยไม่เพอร์ฟอร์ม ขณะที่ตลาดหุ้นอื่นเพอร์ฟอร์มได้ดี ทำให้ปีนี้เราเป็นตลาดที่เพอร์ฟอร์มได้เกือบจะแย่สุดในโลก

วันนี้จริง ๆ เราไม่ได้มีวิกฤตเหมือนในช่วงปีก่อน ๆ อย่างช่วงวิกฤตซับไพร์ม, วิกฤตโควิด แต่หุ้นไทยปรับฐานลงมาลึกมาก ซึ่งอาจจะโดนผลกระทบจากวิกฤตศรัทธา ทั้งกรณี MORE และ STARK และขาดความมั่นใจจากนโยบายของรัฐบาล และไม่มีเม็ดเงินระยะยาว”

ทั้งนี้ปีหน้าเชื่อว่าตลาดหุ้นต่างประเทศน่าจะช่วยได้ เพราะคาดว่าตลาดหุ้นน่าจะเข้าสู่ภาวะที่ไม่ได้แย่ แต่จะดีขนาดไหนคงขึ้นอยู่กับพื้นฐานของแต่ละประเทศ ประกอบกับถ้าเฟดหยุดขึ้นดอกเบี้ยและเริ่มมีทิศทางที่จะลดดอกเบี้ยจะช่วยได้มาก เพราะทุกครั้งที่เป็นจุดเปลี่ยนนโยบายดอกเบี้ยของเฟดจะนำไปสู่ภาพตลาดหุ้นที่ดูดีขึ้น

ซึ่งพื้นฐานของตลาดหุ้นไทยถือว่ายังดีอยู่ อาจจะติดอยู่แค่นโยบายเศรษฐกิจยังสร้างความมั่นใจไม่ได้ แต่เริ่มดีขึ้นต่อเนื่อง เพราะหลายนโยบายทางรัฐบาลเริ่มฟังเสียงของผู้ท้วงติงมากขึ้น อาทิ โครงการแจกเงินดิจิทัลวอลเลต 10,000 บาท ที่รูปแบบเริ่มเปลี่ยนแปลงไปในทางที่จะเป็นประโยชน์ต่อประเทศมากขึ้น

ประกอบกับปีหน้าภาวะเศรษฐกิจโลกถ้าเริ่มนิ่งกว่านี้ จะช่วยภาพส่งออกไทยที่วันนี้เริ่มดูดีขึ้น และหากปีหน้าส่งออกเติบโตได้ต่อเนื่องจะเป็นตัวช่วยสำคัญ เพราะปีนี้ไทยไม่มีปัญหาเงินเฟ้อ ไม่มีปัญหาดอกเบี้ย มีปัญหาแค่ความมั่นใจของนักลงทุนเท่านั้น

ขณะที่ประเด็นขาดเม็ดเงินระยะยาว ซึ่งสัปดาห์หน้าสภาธุรกิจตลาดทุนไทยจะเข้าไปนำเสนอรัฐบาลเพื่อขอให้มีการจัดตั้งกองทุนประเภทที่เน้นการลงทุนระยะยาวให้มากขึ้น เพราะรอบนี้เห็นชัดเจนว่าตลาดหุ้นไทยขาดเงินทุนระยะยาวที่จะเข้ามาฟื้นสภาพคล่อง

ถกคลังสัปดาห์หน้า ตั้งกองทุนภาษีใหม่ ต่ออายุ SSF

ดร.กอบศักดิ์ ภูตระกุล ประธานกรรมการ สภาพธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) เปิดเผยว่า ได้ทำนัดเพื่อเข้าหารือกับคุณเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังไว้แล้ว คาดว่าจะมีการพูดคุยเพื่อขอปรับเกณฑ์กองทุน SSF ที่จะหมดอายุลง เพื่อให้สะดวกต่อการใช้ให้มากขึ้น

โดยอาจจะนำคอนเซ็ปต์กองทุน LTF ที่ได้รับความนิยมมารวมกัน โดยหัวใจสำคัญคือระยะเวลาการลงทุน ซึ่งครั้งที่แล้วอาจจะมีระยะเวลาการลงทุนที่ยาวเกินไป

กอบศักดิ์ ภูตระกุล

และเสนอจัดตั้งกองทุนภาษีใหม่ ๆ เช่น กองทุนยั่งยืน หรือ ESG ซึ่งสอดรับนโยบายของนายกฯที่อยากช่วยคนตัวเล็ก สังคม และสิ่งแวดล้อม เพื่อดึงเม็ดเงินระยะยาว และช่วยเสริมสภาพตลาดให้มีเสถียรภาพมากขึ้น

เศรษฐกิจไทยปีหน้าแกร่ง

นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวว่า ประเทศไทยในปีหน้าเป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศที่คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจจะโตขึ้น หรือคาด GDP เติบโตกว่า 3% และแบงก์ชาติมองไปถึง 4.4% นี่คือสิ่งที่มองว่าหลายอุตสาหกรรมจะได้ประโยชน์

ภากร ปีตธวัชชัย

โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มท่องเที่ยว การเทรดระหว่างประเทศ เพราะส่งออกไทยเริ่มฟื้นตัว โดยภาคธนาคารไทยมีเงินทุนเข้มแข็งมากที่สุดในโลก จะสามารถปล่อยกู้ได้มาก ยิ่งไปกว่านั้นหนี้ต่อจีดีพีอยู่ในระดับที่ไม่มาก 62% และหนี้ต่างประเทศเทียบจีดีพีต่ำมาก

ประกอบกับมีจุดแข็งจากรายได้ของ บจ.จากต่างประเทศมีสัดส่วนกว่า 30-40% โดยเฉพาะบริษัทที่มีธุรกิจในต่างประเทศ มีรายได้จากต่างประเทศถึง 40% ส่วนใหญ่เป็นรายได้ที่มาจากในเอเชีย และยุโรป อเมริกา นั่นคือเหตุผลที่เห็นภาคธุรกิจมีการระดมทุนอย่างต่อเนื่อง