ธนาคารยูโอบี ประเมินปรับชำระขั้นต่ำจาก 5% เป็น 8% กระทบลูกค้าบัตรเครดิต 10% ของพอร์ต 2.4 ล้านใบ ยันมีมาตรการช่วยเหลือ พร้อมตั้งเป้ายอดใช้จ่ายผ่านบัตรปี 67 โต 15% จากทั้งระบบขยายตัว 8-10% หนี้เสียต่ำกว่า 2.7% ล่าสุด เปิดตัวบัตรเครดิตร่วมกับ 5 แบรนด์ชั้นนำ
วันที่ 15 ธันวาคม 2566 นายยุทธชัย เตยะราชกุล กรรมการผู้จัดการ บุคลลธนกิจ ธนาคารยูโอบี ประเทศไทย เปิดเผยว่า
สำหรับเกณฑ์การปรับชำระขั้นต่ำบัตรเครดิต (Minimum Payment) จาก 5% เป็น 8% ในปี 2567 ตามนโยบายของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) มีลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากเกณฑ์ดังกล่าวประมาณ 10% จากพอร์ตบัตรเครดิต จากปัจจุบันมีลูกค้าที่ผ่อนชำระขั้นต่ำราว 20% ของพอร์ต และที่เหลือจะเป็นกลุ่มชำระเต็ม ส่วนหนึ่งมาจากฐานลูกค้าบัตรเครดิตเป็นกลุ่มรายได้ 3-5 หมื่นบาทต่อเดือน ที่มีสัดส่วนมากกว่า 50% ของฐานลูกค้าบัตรเครดิตที่มีกว่า 2.4 ล้านใบ
อย่างไรก็ดี ธนาคารได้มีการพูดคุยกับธปท.ในเรื่องของมาตรการช่วยเหลือลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากเกณฑ์ดังกล่าว โดยจะเป็นมาตรการโอนวงเงินบัตรเครดิตเป็นสินเชื่อผ่อนชำระเป็นงวดที่น้อยลง ซึ่งจะมีความยืดหยุ่นมากขึ้น
โดยเชื่อว่าลูกค้าที่มีปัญหาในการผ่อนชำระได้ผ่านจุดต่ำสุดในช่วงที่มีการระบาดของโควิด-19 มาแล้ว สะท้อนจากจำนวนลูกค้าที่เข้าโครงการช่วยเหลือลดลง
“การปรับชำระขั้นต่ำจาก 5% เป็น 8% ต่อปี มีลูกค้าที่กระทบบ้าง แต่ไม่เยอะมาก เพราะที่ผ่านมาเราได้พ้นจุดต่ำสุดหลังจากโควิดมาแล้ว และฐานส่วนใหญ่เป็นลูกค้า Upper Income ซึ่งกลุ่มนี้ชำระเป็นปกติ ส่วนกลุ่มที่ไม่ไหวเราก็มีมาตรการช่วยเหลือไว้รองรับอยู่แล้ว ส่วนคุณภาพสินเชื่อค่อนข้างดี ปัจจุบันมีหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ต่ำกว่าอุตสาหกรรมที่อยู่ 2.7%”
นางสาวสุพรทิพย์ พงศาชำนาญกิจ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ Head of Card Business ธนาคารยูโอบี ประเทศไทย กล่าวว่า ภาพรวมธุรกิจบัตรเครดิตในปี 2567 มองว่ายังคงมีการแข่งขันที่รุนแรง โดยทุกสถาบันการเงินยังคงต้องแข่งขันเพื่อรักษาอัตราการเติบโต และส่วนแบ่งตลาด (มาร์เก็ตแชร์) ของตัวเองไว้ ทั้งนี้ คาดว่ายอดการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตทั้งระบบในปี 2567 จะขยายตัวอยู่ที่ระดับ 8-10%
ทั้งนี้ ในส่วนของธนาคารยูโอบี ตั้งเป้าเติบโตยอดใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตในปี 2567 อยู่ที่ 15% ซึ่งขยายตัวสูงกว่าอุตสาหกรรม ขณะที่ยอดบัตรเครดิตใหม่ จะเห็นการเติบโตไม่สูงมาก เนื่องจากธนาคารจะเน้นในเรื่องของการเติบโตการใช้จ่ายมากกว่าการหาบัตรใหม่ โดยปัจจุบันธนาคารมีฐานบัตรเครดิตราว 2.4 ล้านใบ
“หลังการเข้าซื้อกิจการธนาคารลูกค้ารายย่อยของซิตี้กรุ๊ปเมื่อต้นปี 65 ซึ่งทำให้ธนาคารมีจำนวนลูกค้ารายย่อย 8 ล้านรายทั่วภูมิภาคอาเซียน และในไทยเพิ่มขึ้น 2.4 ล้านคน ขึ้นเป็นอันดับ 3 ของธุรกิจบัตรเครดิจในไทย โดยธนาคารสามารถมอบสิทธิประโยชน์ที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของลูกค้าได้อย่างหลากหลายมากขึ้น”
ล่าสุด เปิดตัวบัตรร่วม “Co brand” ร่วมกับ 5 แบรนด์ชั้นนำ ได้แก่ แกร็บ ลาซาด้า แม็คโคร เมอร์เซเดส-เบนซ์ และไทยรอยัล ออร์คิด พลัส โดยบัตรแต่ละใบได้รับการออกแบบเพื่อมอบสิทธิประโยชน์ให้ตรงใจกลุ่มลูกค้าที่มีไลฟ์สไตล์แตกต่างกัน
-บัตร UOB Grab เพื่อการใช้ชีวิตแบบคนเมือง
บัตร UOB Grab ตอบโจทย์ชีวิตคนเมืองยุคใหม่ที่สมาร์ทโฟนเข้ามามีบทบาทเกือบจะในทุกกิจกรรมในชีวิตประจำวัน อาทิ การชำระเงิน การแชร์รถ และการสั่งอาหาร ที่ผ่านมาผู้ถือบัตรยูโอบีมีการทำธุรกรรมบน Grab เกือบหนึ่งล้านรายการในแต่ละเดือน บัตร UOB Grab ใบนี้จะนำเสนอบริการทางการเงินที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตแบบดิจิทัลอย่างราบรื่น และมอบสิทธิประโยชน์เหนือระดับและความสะดวกสบายให้กับผู้ถือบัตร
-บัตร UOB Lazada เพื่อนักช้อปออนไลน์ตัวยง
การใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตของผู้ถือบัตรยูโอบีในการซื้อสินค้าออนไลน์เพิ่มขึ้น 37% ในปี 2566 ความร่วมมือกับ Lazada แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซชั้นนำในประเทศไทย สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของยูโอบีในการมอบด้านโซลูชันทางการเงินที่ออกแบบตามความชอบของลูกค้าที่มาพร้อมกับสิทธิประโยชน์ที่เพิ่มมากขึ้นจากการซื้อสินค้าออนไลน์ ผู้ถือบัตร UOB Lazada จะได้รับคะแนนสะสมเพิ่มขึ้น 10 เท่าเมื่อซื้อสินค้าในลาซาด้า และรับคะแนนโบนัส 30 เท่าในเดือนเกิด และข้อเสนอที่ดีที่สุดในช่วงเมกะแคมเปญของลาซาด้า บัตร UOB Lazada ตอบโจทย์ผู้บริโภคที่เป็นนักช้อปออนไลน์ตัวยง
-บัตร UOB Makro สำหรับนักช้อปที่มองหาความคุ้มค่า
จากผลการศึกษาความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในอาเซียนปี 2566 พบว่า 30% ของคนไทยมีความกังวลเกี่ยวกับความสามารถในการซื้อของใช้ที่จำเป็น บัตร UOB Makro จึงตอบโจทย์สำหรับผู้ประกอบการและลูกค้าที่ให้ความสำคัญกับความคุ้มค่าในการจับจ่ายโดยมอบคะแนนสะสมสำหรับการซื้อทุกครั้ง ซึ่งสามารถแลกบัตรกำนัลแม็คโครหรือแลกรับเงินคืนจากยอดซื้อที่แม็คโคร
-บัตร UOB Mercedes สำหรับคนที่ชื่นชอบความหรูหรา
การใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตของยูโอบีมากกว่า 40% มาจากลูกค้าที่มีรายได้ค่อนข้างสูง บัตร UOB Mercedes จึงได้รับการออกแบบมาโดยเฉพาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบความหรูหรา โดยเฉพาะความหรูหราแห่งยานยนต์ บัตรใบนี้มอบสิทธิประโยชน์พิเศษ อาทิ ส่วนลดจากตัวแทนจำหน่ายเมอร์เซเดส-เบนซ์อย่างเป็นทางการ และการสะสมคะแนนคูณ 8 เมื่อจองรถเมอร์เซเดส-เบนซ์ และคะแนนคูณ 2 เมื่อใช้จ่ายในหมวดอื่นๆ
-บัตรยูโอบี ไทย รอยัล ออร์คิด พลัส (UOB ROP) สำหรับผู้ที่ชื่นชอบการเดินทางในปี 2566
การใช้จ่ายในหมวดการเดินทางของบัตรเครดิตยูโอบีมีสัดส่วนค่อนข้างสูง โดยมียอดใช้จ่ายตั๋วเครื่องบิน คิดเป็น 37% ของยอดใช้จ่ายผ่านบัตร บัตรเครดิต UOB ROP จึงได้รับการออกแบบมาเพื่อนักเดินทางที่ต้องเดินทางเป็นประจำ พร้อมมอบสิทธิประโยชน์สุดพิเศษ เช่น การได้รับสถานะสมาชิกบัตรทองอย่างรวดเร็วในโปรแกรมรอยัล ออร์คิด พลัส และการแปลงการใช้จ่ายเป็นไมล์สายการบินที่คุ้มค่า
“บัตรเครดิต Co brand ทั้ง 5 ใบของธนาคารยูโอบีนี้ เป็นบัตรที่เพิ่มมาจากบัตรเครดิตหลักทั้ง 5 ใบ ที่ทางธนาคารคัดสรรมาเป็นพิเศษเพื่อตอบสนองความต้องการที่ชาญฉลาด โดยมอบสิทธิประโยชน์พิเศษที่ออกแบบมาเพื่อความชอบที่แตกต่างกันของลูกค้า”