หุ้นไทยสัปดาห์นี้ จับตาความเสี่ยงจากผลประชุม 3 แบงก์ใหญ่ของโลก

หุ้น

บล.กรุงไทยเอ็กซ์สปริง มองตลาดหุ้นไทยยังได้อานิสงส์เชิงบวกจากหลายปัจจัย แต่ยังต้องติดตามความเสี่ยงจากผลการประชุม 3 ธนาคารกลางสำคัญของโลกทั้ง FOMC BoE และ BoJ ในสัปดาห์นี้

วันที่ 18 มีนาคม 2567 นายณัฐวุฒิ จันทนะจุลพงศ์ นักกลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์กรุงไทยเอ็กซ์สปริง จำกัด หรือ KTX กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยยังคงได้รับอานิสงส์เชิงบวกจากการคลายความกังวลเศรษฐกิจชะลอตัวของไทย จากแนวโน้มการเร่งรัดเบิกจ่ายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐที่มีความชัดเจนมากขึ้น ผลบวกจากตลาดหุ้นจีนซื้อ-ขายในระดับ PER ที่สูงขึ้นหนุนจากตัวเลขเศรษฐกิจจีนเริ่มฟื้นตัวหลังรัฐบาลออกมาตรการกระตุ้นและกระแสการไหลกลับของเงินทุนต่างชาติ

ตามการแข็งค่าของสกุลเงินเยน หลังตัวเลขเศรษฐกิจของญี่ปุ่นฟื้นตัว ปัจจัยเหล่านี้เรามองว่านักลงทุนไม่มีความจำเป็นที่ต้องเรียกรับส่วนชดเชยความเสี่ยงสูงกว่าปกติถึง 2 S.D. ดังเช่นช่วงที่ผ่านมา แนะนำให้ปรับกลยุทธ์ลงทุนโดยการลดระดับ MRP ลง มีนัยถึงตลาดหุ้นไทยมีแนวโน้มกลับมาซื้อ-ขายในระดับ PE ที่สูงขึ้น (Re-rate) หนุนดัชนีแนะนำลงทุนในหุ้นที่ได้อานิสงส์เชิงบวกจากเม็ดเงินกระตุ้นเศรษฐกิจ และการลงทุนภาครัฐ อาทิ กลุ่มก่อสร้าง,  กลุ่มวัสดุก่อสร้าง, กลุ่มขนส่งทางอากาศและทางราง และกลุ่มค้าปลีก

อย่างไรก็ตาม SET INDEX สัปดาห์นี้อาจเผชิญความผันผวนมากกว่าปกติเนื่องจากการประชุมของธนาคารกลางสำคัญ ทั้ง FOMC BoE และ BoJ มีแนวโน้มจะเป็นไปในทิศทางที่เข้มงวดมากขึ้น หลังตัวเลขเศรษฐกิจและเงินเฟ้อเริ่มฟื้นกลับ โดยคาด FOMC มีโอกาสปรับมุมมอง DOT PLOT ลงมาเหลือแค่ 1 ครั้ง เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยนโยบายปัจจุบันยังไม่สามารถกดดันเงินเฟ้ออุปสงค์ได้ดีพอที่จะทำให้เฟดตัดสินใจลดดอกเบี้ยนโยบายลง

คาด BoE คงดอกเบี้ยในระดับสูงสุดต่อเนื่องหลังเศรษฐกิจอังกฤษเริ่มฟื้นหนุนเงินเฟ้อ และจะไม่มีการส่งสัญญาณปรับลดดอกเบี้ยในไตรมาส 1/2567

ด้าน BoJ มีแนวโน้มยกเลิกนโยบายทางการเงินผ่อนคลายพิเศษ (Ultra Easing) หลังเศรษฐกิจกลับมาฟื้นตัวจากการศึกษาการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทต่อดอลลาร์สหรัฐ (USD) ซึ่งมีความสัมพันธ์กับค่าเงินเยนต่อ USD หากเงินเยนแข็งค่าเทียบกับ USD หลัง BoJ ยกเลิกนโยบายทางการเงินผ่อนคลายพิเศษ เงินบาทต่อ USD ก็มีโอกาสแข็งค่ากว่าดัชนีค่าเงินดอลลาร์ ทำให้อัตราส่วนดัชนีค่าเงินดอลลาร์ต่อค่าเงินบาทต่อ USD มีแนวโน้มพุ่งขึ้นเป็นนัยว่าตลาดหุ้นไทยอาจได้อานิสงส์เชิงบวกจากการไหลเข้าของเงินทุนต่างชาติ

ทั้งนี้ SET INDEX ล่าสุด (15 มี.ค.) อยู่ที่ 1,386 จุด (MRP 4.36%) อยู่ในกรอบ “เก็งกำไร” ระหว่าง 1,377-1,418 จุด (MRP 4.40%-4.20%, (+1 S.D., ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 90 วัน) แนะนำ “ลดน้ำหนักการซื้อลง โดยใช้เงินเพียงบางส่วนเพื่อเก็งกำไรเท่านั้น”

โดยมีเป้าหมายในการเริ่มทยอยขายเมื่อดัชนีสูงกว่า 1,418 จุด (MRP ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 90 วันเคลื่อนที่ที่ 4.20%) หรือปรับพอร์ตการลงทุนไปยังสินทรัพย์ทางเลือกเช่น Structured Note หุ้นกู้ที่มีอนุพันธ์แฝงซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์การลงทุนที่ตอบโจทย์การลงทุนในภาวะเงินเฟ้อปรับตัวสูงการลงทุนใน KIKO หรือหุ้นกู้ที่มีอนุพันธ์แฝงระยะสั้นที่อ้างอิงสินทรัพย์คุณภาพ ทำให้มีโอกาสได้รับผลตอบแทนสม่ำเสมอเป็นรายเดือนในอัตราที่สูงกว่าหุ้นกู้ทั่วไป สามารถตอบโจทย์ได้ดีในภาวะที่ตลาดหุ้น Sideway หรือราคาหุ้นเคลื่อนไหวในกรอบแคบ ๆ