เช็กเงื่อนไขลูกหนี้รับสิทธิลดดอกเบี้ย 0.25% “แบงก์กรุงเทพ” ใจป้ำลด MRR ทั้งกระดาน

ดอกเบี้ย

เปิดเงื่อนไขธนาคารพาณิชย์ลดดอกเบี้ยเงินกู้กระดาน MRR, MLR และ MOR ลง 0.25% ช่วยเหลือกลุ่มเปราะบางกลุ่มสินเชื่อบ้าน-เอสเอ็มอี ระยะเวลา 6 เดือน ใครได้บ้าง เช็กเลย

วันที่ 2 พฤษภาคม 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังจากนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้เข้าหารือ 4 ธนาคารใหญ่ ได้แก่ ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารไทยพาณิชย์ และธนาคารกรุงไทย ในการช่วยลดภาระดอกเบี้ยลูกหนี้กลุ่มเปราะบาง เมื่อวันที่ 23 เมษายน 2567 จนนำมาสู่การประกาศของสมาคมธนาคารไทย (TBA) ถึงแนวทางการช่วยเหลือกลุ่มลูกค้าเปราะบาง

โดยการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลูกค้ารายย่อยชั้นดี (MRR) 0.25% สำหรับลูกค้ากลุ่มเปราะบาง ทั้งลูกค้าบุคคลและธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) เป็นเวลา 6 เดือน เพื่อลดภาระดอกเบี้ย และมีโอกาสฟื้นตัว ปรับตัว ซึ่งเป็นไปในแนวทางเดียวกันกับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของภาครัฐ

และล่าสุด ธนาคารพาณิชย์ทยอยประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% ต่อปี เป็นเวลา 6 เดือน พร้อมแนวทางการช่วยเหลือและเงื่อนไขกลุ่มผู้ที่ได้รับสิทธิในการลดดอกเบี้ยครั้งนี้ โดย “ประชาชาติธุรกิจ” ได้รวบรวมไว้ให้

กรุงเทพใจป้ำลด MRR 0.25% ทั้งกระดาน

เริ่มจาก “ธนาคารกรุงเทพ” ให้ความสำคัญในการสนับสนุนช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนของลูกค้าเพื่อลดภาระทางการเงินด้วยการประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยลูกค้ารายย่อยชั้นดี (MRR) ลง 0.25% มีผลตั้งแต่วันที่ 29 เมษายน 2567 เป็นระยะเวลา 6 เดือน ทั้งนี้ ที่ผ่านมาธนาคารได้ให้ความช่วยเหลือลูกค้า ครอบคลุมทั้งลูกค้าธุรกิจขนาดใหญ่ SMEs และลูกค้ารายย่อย ซึ่งรวมถึงกลุ่มเปราะบาง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่ลูกค้าได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 และสถานการณ์ทางเศรษฐกิจ

Advertisment

นอกจากนี้ ธนาคารยังมีโครงการช่วยเหลือลูกค้า SMEs ด้วยการให้สินเชื่อดอกเบี้ยพิเศษ ภายใต้โครงการ “สินเชื่อบัวหลวงเพื่อการปรับตัวธุรกิจ (Bualuang Transformation Loan)” วงเงินโครงการ 20,000 ล้านบาท โดยพิจารณาให้วงเงินสินเชื่อสูงสุด 10 ล้านบาทต่อราย อัตราดอกเบี้ยพิเศษคงที่ 5% ต่อปี เป็นระยะเวลา 5 ปี ผู้ประกอบการที่สนใจ ทั้งลูกค้าปัจจุบันหรือลูกค้าใหม่ สามารถติดต่อสมัครสินเชื่อบัวหลวงเพื่อการปรับตัวธุรกิจได้ตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2567-31 มกราคม 2568 (หรือเมื่อมีลูกค้าใช้สินเชื่อเต็มวงเงินของโครงการ) เพื่อสนับสนุนผู้ประกอบธุรกิจ SMEs ในการฟื้นฟูธุรกิจและปรับตัวเพิ่มศักยภาพการแข่งขันให้สามารถเติบโตอย่างยั่งยืน

กสิกรไทย-SCB อุ้มบ้าน-SMEs วงเงินไม่เกิน 2 ล้านบาท

ด้าน “ธนาคารไทยพาณิชย์” ประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% สำหรับเงินกู้อัตราดอกเบี้ยลอยตัว MRR และ MLR ช่วยเหลือลูกค้ากลุ่มเปราะบาง ทั้งลูกค้าบุคคล และผู้ประกอบการ SMEs รายย่อย เป็นระยะเวลา 6 เดือน คาดลดภาระลูกหนี้ 2.4 แสนบัญชี วงเงินสินเชื่อรวม 1.10 แสนล้านบาท มีผลตั้งแต่วันที่ 16 พฤษภาคม-15 พฤศจิกายน 2567

ทั้งนี้ ธนาคารไทยพาณิชย์มีความมุ่งมั่นที่จะบรรเทาความเดือดร้อนของลูกค้า และพร้อมสนับสนุนมาตราการของภาครัฐ ด้วยการประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% สำหรับเงินกู้ (Loan) ที่อ้างอิงอัตราดอกเบี้ยลอยตัว MRR และ MLR สำหรับลูกค้ากลุ่มเปราะบาง ได้แก่

1. ลูกค้าบุคคล สินเชื่อบ้าน และ My Home My Cash ที่มีวงเงินสินเชื่อไม่เกิน 2 ล้านบาท

Advertisment

2. ลูกค้าผู้ประกอบการ SMEs รายย่อย สินเชื่อธุรกิจประเภทเงินกู้ระยะยาว (Term Loan) ที่มีวงเงินสินเชื่อรวมไม่เกิน 2 ล้านบาท (โดยพิจารณาจากยอดค้างชำระเงินกู้ระยะยาว และวงเงินสินเชื่อหมุนเวียน) ลูกค้าต้องมียอดสินเชื่อเงินกู้กับธนาคาร ณ 31 มีนาคม 2567 และเป็นบัญชีสถานะปกติ (ไม่มีการค้างชำระ) โดยจะได้รับการปรับลดอัตราดอกเบี้ย สำหรับสินเชื่อเงินกู้ระยะยาว เป็นระยะเวลา 6 เดือน โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 16 พฤษภาคม-15 พฤศจิกายน 2567

ซึ่งจากมาตรการดังกล่าว ธนาคารสามารถช่วยลดภาระทางการเงินให้กับลูกค้าได้มากกว่า 240,000 บัญชี คิดเป็นยอดสินเชื่อรวมประมาณ 110,000 ล้านบาท

ธนาคารจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ให้ลูกค้ากลุ่มเปราะบางทั้ง 2 กลุ่มอัตโนมัติ โดยลูกค้าไม่ต้องลงทะเบียน หรือติดต่อธนาคารแต่อย่างใด

ส่วน “ธนาคารกสิกรไทย” ออกนโยบายช่วยเหลือปรับลดดอกเบี้ย 0.25% สำหรับเงินกู้ (Loan) ที่อ้างอิงอัตราดอกเบี้ยลอยตัว เป็นระยะเวลา 6 เดือน โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 16 พฤษภาคม 2567 เพื่อสะท้อนความห่วงใยของธนาคารที่มีต่อลูกค้า และความมุ่งมั่นในการช่วยเหลือลูกค้ากลุ่มเปราะบางให้สามารถฟื้นตัวได้ดีขึ้น รวมถึงสนับสนุนเศรษฐกิจไทยให้เข้าสู่ภาวะสมดุลและสามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืน

โดยลูกค้าที่ได้รับความช่วยเหลือทั้งลูกค้าบุคคลและ SMEs มีจำนวนประมาณ 200,000 ราย วงเงินสินเชื่อรวมประมาณ 82,000 ล้านบาท
ลูกค้ากลุ่มเปราะบางของธนาคารกสิกรไทยจะได้รับความช่วยเหลือมี 2 กลุ่ม โดยมีหลักเกณฑ์ดังนี้

1. ลูกค้าบุคคลที่ใช้ผลิตภัณฑ์ “สินเชื่อบ้าน” หรือ “สินเชื่อบ้านช่วยได้” ที่มีวงเงินอนุมัติรวมกับธนาคารกสิกรไทย ไม่เกิน 2,000,000 บาท ตามข้อมูลธนาคาร ณ วันที่ 31 มีนาคม 2567 และมีรายได้ไม่เกิน 30,000 บาทต่อเดือน ตามการประเมินของธนาคาร ณ วันที่ธนาคารพิจารณาอนุมัติสินเชื่อดังกล่าวครั้งล่าสุด

2. ลูกค้า SMEs ที่มียอดค้างชำระเงินกู้กับธนาคารกสิกรไทย และวงเงินสินเชื่อหมุนเวียนกับธนาคารกสิกรไทย รวมกันแล้วไม่เกิน 2,000,000 บาท ณ วันที่ 31 มีนาคม 2567 และมียอดขายไม่เกิน 200,000 บาทต่อเดือน ตามการประเมินของธนาคาร ณ วันที่ธนาคารพิจารณาอนุมัติสินเชื่อดังกล่าวครั้งล่าสุด

โดยลูกค้ากลุ่มเปราะบางทั้ง 2 กลุ่มที่จะได้รับความช่วยเหลือ ต้องมีสถานะหนี้เป็นปกติ และยังไม่ได้รับการช่วยเหลือตามมาตรการอื่น ๆ ของธนาคาร นอกจากนี้ถ้าลูกค้ากลุ่มเปราะบางใช้ผลิตภัณฑ์ทั้ง 2 ประเภท ทั้งสินเชื่อบ้านและสินเชื่อ SMEs และเข้าหลักเกณฑ์ดังกล่าว จะได้รับการลดดอกเบี้ยทั้ง 2 ผลิตภัณฑ์ ทั้งนี้การคัดเลือกลูกค้าขึ้นอยู่กับดุลพินิจของธนาคารเป็นที่สิ้นสุด

กรุงไทยคาดช่วยลูกค้า 3 แสนบัญชี วงเงิน 2 แสนล้าน

“ธนาคารกรุงไทย” ประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ MRR, MLR และ MOR 0.25% ต่อปี เป็นเวลา 6 เดือน มีผลตั้งแต่วันที่ 16 พฤษภาคม-15 พฤศจิกายน 2567 ให้กับลูกค้ากลุ่มเปราะบาง 3 กลุ่ม ได้แก่

1. ลูกค้าสินเชื่อบุคคลรายย่อยที่ยังอยู่ในมาตรการความช่วยเหลือของธนาคาร ทั้งสินเชื่อบ้านและสินเชื่อส่วนบุคคล
2. ลูกค้าสินเชื่อบ้านที่มีวงเงินไม่เกิน 2 ล้านบาท และ
3. ลูกค้าที่เป็นผู้ประกอบการ SMEs รายย่อยที่มีรายได้กิจการต่อเดือนไม่เกิน 2 ล้านบาท และมีวงเงินสินเชื่อไม่เกิน 10 ล้านบาท

ทั้งนี้ จากมาตรการดังกล่าว ธนาคารสามารถช่วยลดภาระทางการเงินให้กับลูกค้าได้มากกว่า 3 แสนบัญชี คิดเป็นวงเงินสินเชื่อรวมมากกว่า 2 แสนล้านบาท ซึ่งธนาคารจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ให้อัตโนมัติสำหรับลูกค้ากลุ่มเปราะบางทั้ง 3 กลุ่มที่มียอดสินเชื่อกับธนาคาร ณ 31 มีนาคม 2567 โดยลูกค้าไม่ต้องลงทะเบียน หรือติดต่อธนาคารแต่อย่างใด

ทีทีบีอุ้มบ้านรายได้ไม่เกิน 3 หมื่นบาท SMEs สินเชื่อไม่เกิน 5 ล้านบาท

ธนาคารจึงได้พิจารณาปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% ต่อปี สำหรับผลิตภัณฑ์สินเชื่อที่อ้างอิงอัตราดอกเบี้ย MRR, MLR และ MOR โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 16 พ.ค. 2567-15 พ.ย. 2567 เป็นระยะเวลา 6 เดือน

โดยลูกค้ากลุ่มเปราะบางที่จะได้รับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยได้แก่ 1. ลูกค้าสินเชื่อบ้าน ที่มีรายได้รวมเฉลี่ยต่อเดือนไม่เกิน 30,000 บาท และมีวงเงินอนุมัติไม่เกิน 2 ล้านบาท

และ 2. ลูกค้าสินเชื่อเอสเอ็มอี ที่มีรายได้ในปี พ.ศ. 2565 ไม่เกิน 30 ล้านบาท และมีวงเงินอนุมัติไม่เกิน 5 ล้านบาท โดยมาตรการช่วยเหลือดังกล่าว จะไม่ครอบคลุมลูกค้าสินเชื่อบ้านและสินเชื่อเอสเอ็มอีที่ได้เข้าร่วมมาตรการช่วยเหลือเฉพาะรายกับธนาคารมาก่อนหน้า ซึ่งธนาคารเชื่อว่าการปรับลดอัตราดอกเบี้ยดังกล่าวลง จะช่วยเพิ่มสภาพคล่องและลดภาระทางการเงินให้กับกลุ่มเปราะบางข้างต้นได้ ทั้งนี้ ธนาคารจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยให้อัตโนมัติ โดยลูกค้าไม่ต้องลงทะเบียน และธนาคารจะดำเนินการส่ง SMS แจ้งกลุ่มลูกค้าที่ได้รับความช่วยเหลือรับทราบ

นอกจากนี้ ธนาคารยังคงเดินหน้าสนับสนุนลูกค้าสินเชื่อที่มีภาระหนี้หลายก้อนให้รวบหนี้ ผ่าน “บริการรวบหนี้เป็นก้อนเดียว” (ttb debt consolidation) ที่จะช่วยลูกค้าลดภาระดอกเบี้ย ลดค่างวดต่อเดือนให้ต่ำลง และเสริมสภาพคล่องทางการเงินไปพร้อมกัน สอดรับกับความต้องการของลูกค้าที่กำลังเผชิญกับปัญหาหนี้ในปัจจุบัน