
จุลพันธ์ รมช.คลัง ย้ำกรมศุลกากรยุคใหม่ในรัฐบาลนี้ต้องมีความโปร่งใส ไม่มีการทุจริตคอร์รัปชั่น มั่นใจปี 2567 จัดเก็บรายได้เข้ารัฐทะลุเป้า หลังยอด 7 เดือนเกินเป้า 3% ประมาณ 6.8 ล้านบาท
วันที่ 30 พฤษภาคม 2567 นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยหลังตรวจเยี่ยมพร้อมมอบนโยบายให้แก่ผู้บริหารกรมศุลกากรว่า การจัดเก็บรายได้ 7 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2567 พบว่ากรมศุลกากรเก็บรายได้เกินเป้า 3% ประมาณ 68,683 ล้านบาท สูงกว่าที่ประมาณการ 1,993 ล้านบาท มั่นใจว่าจะจัดเก็บรายได้ในปีนี้สูงกว่าเป้าหมายการจัดเก็บทั้งปี 3,500 ล้านบาท
โดยได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพิ่มความเข้มงวดในการป้องกันและปราบปรามผู้กระทำผิด ซึ่งนายธีรัชย์ อัตนวานิช อธิบดีกรมศุลกากร จึงได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ศุลกากร ตรวจเข้มกับสินค้าทุกประเภทที่อาจมีการซุกซ่อนบุหรี่ หรือบุหรี่ไฟฟ้าเข้ามาในราชอาณาจักร ทั้งทางตู้สินค้า และพัสดุไปรษณีย์
รวมถึงบูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อสืบสวนหาข่าวการลักลอบการกระทำความผิดอีกด้วย รวมถึงกลไกการส่งออก และความสำคัญในการตรวจจับสินค้าขาออก เพื่อป้องกันการลักลอบสินค้าผิดกฎหมายออกนอกประเทศ ไม่ให้เกิดความเสียหายกับชื่อเสียงของประเทศ
“เราเคยเห็นมาหลายครั้งว่ามันมีปัญหามาก เราต้องใช้เวลายาวนานในการที่จะเรียกความน่าเชื่อถือของประเทศกลับคืนมา” รมช.คลังกล่าว
ขณะเดียวกันได้เน้นย้ำนโยบายของรัฐบาลในการนำระบบ National Single Window เข้ามาใช้ ซึ่งเป็นระบบการบริการเชื่อมโยงข้อมูลหน่วยงานภาครัฐและภาคธุรกิจ สำหรับการนำเข้า ส่งออก และโลจิสติกส์ที่สะดวกและลดภาระค่าใช้จ่าย/เข้มงวดตรวจตู้สินค้าทั้งขาเข้าและขาออก
โดยใช้เทคโนโลยีเข้ามาตรวจสอบ หลังที่ผ่านมามีการลักลอบนำเข้าและส่งออก สินค้านำเข้าผิดกฎหมาย ยาเสพติด บุหรี่ไฟฟ้าและสินค้าการเกษตร โดยเฉพาะเอกซเรย์ตู้สินค้าขาออก เพื่อไม่ให้มีปัญหาเมื่อไปถึงปลายทาง พร้อมย้ำถึงความโปร่งใสในกรมศุลกากรในรัฐบาลชุดนี้ต้องเป็นกรมศุลกากรยุคใหม่ ไม่มีการทุจริตคอร์รัปชั่น หากมีเรื่องทุจริตเกิดขึ้น ฝ่ายนโยบายจะจัดการอย่างเข้มงวด
หลังมอบนโยบายให้กับข้าราชการกรมศุลกากร นายจุลพันธ์ได้แถลงข่าวการจับกุมบุหรี่ไฟฟ้าและอุปกรณ์ จำนวน 726,499 ชิ้น มูลค่ารวมกว่า 107 ล้านบาท ซึ่งในรอบเดือนพฤษภาคมนี้ สำนักงานศุลกากรท่าเรือกรุงเทพฯ ตรวจพบการลักลอบนำเข้าบุหรี่ไฟฟ้าจากประเทศจีนนำสำแดง เป็นสินค้าเบ็ดเตล็ด แต่จากการเอกซเรย์พบความผิดปกติจึงเปิดตู้สินค้าตรวจสอบพบบุหรี่ไฟฟ้า และน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้าจำนวนกว่า 649,430 ชิ้น มูลค่า 96,897,500 บาท
นอกจากนี้ยังจับกุมบุหรี่ไฟฟ้าพร้อมน้ำยาที่นำเข้าจากประเทศจีนที่ไม่มีการสำแดงใบขนสินค้า 48,600 ชิ้น มูลค่า 5,832,000 บาท รวมทั้งขยายผลจับกุมร้านจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าผิดกฎหมายในพื้นที่เขตพระโขนง กรุงเทพฯ โดยจับกุมบุหรี่ไฟฟ้า 558 ชิ้น มูลค่า 200,000 บาท
“ปัจจุบันเด็กและเยาวชนไทยหันมาสูบบุหรี่ไฟฟ้าเพิ่มขึ้น อีกทั้งผู้ผลิตยังดัดแปลงบุหรี่ไฟฟ้าให้มีความน่าสนใจ รวมถึงผสมยาเสพติดประเภทอื่นเข้าไปในน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า ทำให้เกิดผลกระทบที่รุนแรงต่อสุขภาพ นายกฯ จึงเร่งปราบปรามจับกุมผู้ลักลอบนำเข้าและผู้จำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าและอุปกรณ์ส่วนควบอย่างจริงจัง โดยให้บังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด จึงสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพิ่มความเข้มงวดในการป้องกันและปราบปรามผู้กระทำผิด” นายจุลพันธ์กล่าว