คลัง จ่อออกมาตรการภาษี ดันไทยมุ่งสู่สังคม Low Carbon

ยื่นภาษี

คลังสนับสนุนเศรษฐกิจสีเขียว จ่อออกมาตรการภาษี เล็งตั้งตลาดคาร์บอนในไทย พัฒนาตลาดทุนหนุนรัฐวิสาหกิจออก Green Bond ดันไทยมุ่งสู่สังคม Low Carbon

วันที่ 30 พฤษภาคม 2567 นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวในงานสัมมนา Bangkok Post ESG Conference 2024 ว่า กระทรวงการคลังกับหลายหน่วยงานจัดทำแนวทางการพัฒนาภาคการเงินเพื่อความยั่งยืน เพื่อสร้าง Ecosystem ที่เอื้อต่อการจัดสรรทรัพยากรของประเทศบนพื้นฐานของความยั่งยืน เช่น การทำ Taxonomy การเปิดเผยข้อมูล ESG การสร้างมาตรการจูงใจเพื่อกระตุ้นให้เกิดตลาดและการลงทุนในผลิตภัณฑ์การเงินเพื่อความยั่งยืน เป็นต้น

โดยกระทรวงการคลังอยู่ระหว่างหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อพิจารณาแนวทางการให้สิทธิประโยชน์ตามกฎหมายภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ที่เหมาะสมสำหรับที่ดินของเอกชนที่มีลักษณะเป็นพื้นที่สีเขียว และในระยะต่อไป กระทรวงการคลังอยู่ระหว่างการพิจารณามาตรการภาษี โดยแบ่งเป็น 3 ระยะ ดังนี้

ระยะสั้นจะส่งเสริมและสนับสนุนการใช้พลังงานทางเลือก และลดการใช้พลังงานด้วยการอนุญาตให้หักลดหย่อนการซื้อและติดตั้ง Solar Cell บนหลังคาบ้าน การอนุญาตให้นำค่าใช้จ่ายในการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานมาหักค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม รวมทั้งการส่งเสริมการลงทุนในด้านการวิจัยและพัฒนาที่เกี่ยวข้องกับ Climate Tech ระยะกลางจะส่งเสริมการปรับตัวไปสู่ Low-carbon Activities และสร้าง Ecosystem ในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เช่น

การให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีให้แก่ค่าใช้จ่ายในการวัด Carbon Footprint เพื่อให้ผู้ประกอบการวางแผนลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้อย่างตรงจุด การให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีให้แก่ค่าใช้จ่ายในการขึ้นทะเบียนคาร์บอนเครดิต เพื่อกระตุ้นในภาคเอกชนขึ้นทะเบียนคาร์บอนเครดิตในภาคอุตสาหกรรมต่าง ๆ โดยเฉพาะภาคเกษตร ซึ่งจะช่วยเพิ่ม Supply และสภาพคล่องในตลาดคาร์บอนเครดิตอีกด้วย เป็นต้น

ระยะยาวจะเน้นการผลักดันภาษีคาร์บอนเพื่อผลักดันให้ทุกภาคส่วนปรับตัว เพื่อให้ประเทศสามารถบรรลุเป้าหมายที่ประกาศเจตนารมณ์ไว้ตาม Paris Agreement โดยจะพิจารณาผลกระทบที่รอบด้านและเงื่อนไขด้านเวลาที่เหมาะสม เพื่อลดผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับประชาชนกลุ่มเปราะบาง และพัฒนากลไกเยียวยาที่เหมาะสม ขณะที่ภาคตลาดทุนมีความสำคัญในการผลักดันการระดมทุนเพื่อความยั่งยืน โดยกระทรวงการคลังเล็งเห็นว่าควร

ADVERTISMENT

1) เร่งส่งเสริมการซื้อขายคาร์บอนเครดิตและการจัดตั้งตลาดคาร์บอนในประเทศไทย ด้วยการสร้างโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับการขึ้นทะเบียน การซื้อขาย และการตรวจสอบคาร์บอนเครดิตที่เป็นมาตรฐานสากล

2) การพัฒนาตลาดสำหรับผลิตภัณฑ์ทางการเงินเพื่อความยั่งยืนด้วยการสนับสนุน ให้รัฐวิสาหกิจออก Green Bond และ Sustainability-linked Bond เพื่อสร้างตลาดสำหรับผลิตภัณฑ์ทางการเงินเพื่อความยั่งยืน

ADVERTISMENT

สำหรับแบงก์รัฐ มีสินเชื่อเพื่อส่งเสริมการลงทุนในพลังงานหมุนเวียน เพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เช่น EXIM Bank มีสินเชื่อเพื่อให้ผู้ประกอบการที่ต้องการลงทุนติดตั้งระบบ Solar Cell และสินเชื่อสำหรับผู้ลงทุนในโครงการพัฒนาพลังงานสะอาด ธนาคารออมสินมีสินเชื่อผู้ประกอบการและธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า เป็นต้น ซึ่งโครงการดังกล่าวมีดอกเบี้ยที่ต่ำกว่าอัตราดอกเบี้ยทั่วไป

ด้านมาตรการทางภาษีก็เป็นอีกหนึ่งเครื่องมือสำคัญที่จะช่วยส่งเสริมการลงทุนในกิจกรรมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ปัจจุบันกระทรวงการคลังมีมาตรการภาษีที่เกี่ยวข้อง เช่น การส่งเสริมการซื้อขายคาร์บอนเครดิตโดยการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับกำไรสุทธิที่เกิดจากการขายคาร์บอนเครดิต ภายใต้โครงการ T-VER

การส่งเสริมการลงทุนในกองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืนหรือ Thai ESG ที่ลงทุนในหุ้นและตราสารหนี้ของไทย ที่ให้ความสำคัญเรื่องความยั่งยืนตามหลัก ESG การส่งเสริมพาหนะที่ปล่อยคาร์บอนต่ำ ด้วยการนำปริมาณการปล่อยคาร์บอนมาประกอบการพิจารณากำหนดอัตราภาษีสรรพสามิตรถยนต์และรถจักรยานยนต์ เป็นต้น

“การเข้าแหล่งทุนและสิทธิประโยชน์ทางภาษีเพื่อส่งเสริม Low-carbon Economy เป็นสิ่งสำคัญในการ

สนับสนุนให้ภาคเอกชนปรับตัวและยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขัน ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ พลิกโฉมประเทศไทยจากฐานการผลิตเป็นฐานการคิดและพัฒนานวัตกรรมใหม่ ๆ ที่คิดค้นโดยคนไทย โดยเฉพาะเทคโนโลยีการควบคุมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ หรือที่เรียกว่า Climate Tech จะช่วยสร้างอนาคตที่ยั่งยืนให้กับโลก”