TIPH ตั้งงบลงทุนพันล้าน ปิดดีลเทคข้ามชาติ Q2 ระวังรับประกันรถ EV

ทิพยประกันภัย

“ทิพย กรุ๊ป โฮลดิ้งส์” ปี’68 ตั้งงบลงทุน 1,000 ล้าน จ่อปิดดีลบริษัทเทคโนโลยีข้ามชาติ เจรจาจบภายในครึ่งปีแรก เผยร่วมทุน “เบริล 8 พลัส” หวังขับเคลื่อน Insurance Ecosystem ด้วย AI ด้านธุรกิจทิพยประกันภัย ตั้งเป้าเบี้ยปีนี้โต 3 เท่าของอุตฯ แรงหนุนโครงการลงทุนขนาดใหญ่ภาครัฐ-เอกชน เบี้ยรถยนต์คาดโต 5% ยังคงระวังรับประกันรถอีวี-รถซ่อมห้าง

ดร.สมพร สืบถวิลกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทิพย กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TIPH และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) หรือ TIP และในฐานะนายกสมาคมประกันวินาศภัยไทย เปิดเผยว่า ในปี 2568 บริษัท TIPH ได้ตั้งงบลงทุนไว้ประมาณ 1,000 ล้านบาท ตามแผนปีนี้จะปิดดีลร่วมทุนกับบริษัทเทคโนโลยีข้ามชาติจำนวน 1 ราย เพื่อประกอบธุรกิจโครงสร้างพื้นฐานทางด้านเทคโนโลยี ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการเจรจา คาดว่าดีลนี้น่าจะเสร็จสิ้นได้ภายในช่วงครึ่งปีแรกของปีนี้ (ภายในไตรมาส 2/2568) โดยจะเป็นดีลที่มีขนาดใหญ่กว่าการร่วมทุนเปิดตัว บริษัท ฮอไรซอน ที 8 จำกัด (T8)

ทั้งนี้ในปัจจุบัน TIPH มุ่งเน้นลงทุนผ่าน 3 กลุ่มธุรกิจหลักคือ 1. ลงทุนในบริษัทประกันภัย เช่น บริษัททิพยประกันภัยลาว, บริษัททิพยประกันภัยกัมพูชา, บริษัทอินชัวร์เวิร์ส (Insurverse) ประกันออนไลน์ 100% 2. ลงทุนในบริษัทที่สนับสนุนธุรกิจประกันภัย เช่น บริษัทเซอร์เวย์, บริษัทโบรกเกอร์ประกันภัย, บริษัทเทรนนิ่ง

และ 3. ลงทุนในบริษัทเทคโนโลยี โดยล่าสุดที่เพิ่งเปิดตัวไปคือ บริษัท ฮอไรซอน ที 8 จำกัด (T8) โดยร่วมทุนกับบริษัท เบริล 8 พลัส จำกัด (มหาชน) (BE8) ใช้เงินลงทุนรวมกัน 50 ล้านบาท TIPH และ BE8 ถือหุ้นสัดส่วน 51:49% เพื่อยกระดับ Insurance Ecosystem ให้กับอุตสาหกรรมประกันภัย ด้วย AI-Powered Digital Transformation

“เรามองว่าในอนาคตเทคโนโลยีเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว ดังนั้นระบบงานหลักหรือ Core insurance platform ที่บริษัทใช้กันอยู่ต้องเปลี่ยนเร็ว อาจจะ 3 ปีหรือ 5 ปี ซึ่งการเปลี่ยนใช้เงินทุนค่อนข้างสูงมาก โดยไซซ์อย่างบริษัททิพยประกันภัยถ้าจะต้องเปลี่ยนระบบงานหลัก ตอนที่ต้องใช้เงินลงทุนสูงกว่า 700-1,000 ล้านบาท ดังนั้นจึงได้ตัดสินลงทุนเองเพื่อพัฒนาแพลตฟอร์มตรงนี้ และเพื่อให้บริการกับบริษัทประกันขนาดกลางและขนาดเล็กที่ไม่มีเงินทุนมาก สามารถใช้ระบบของเราที่เชื่อมต่อระบบการขาย ระบบการรับประกันภัย ระบบการบริหารจัดการตัวแทนนายหน้า และระบบบริหารจัดการด้านสินไหม ได้ในต้นทุนที่ไม่สูง”

มั่นใจเบี้ยประกันทั้งอุตฯโตดีกว่าปีที่แล้ว

ดร.สมพร กล่าวต่อว่า สำหรับเป้าหมายเบี้ยประกันทั้งอุตสาหกรรมฯ ด้านสมาคมประกันวินาศภัยไทยได้คาดการณ์ว่าเบี้ยประกันในปี 2567 จะเติบโต 0.5-1% เทียบจากปี 2566 และปี 2568 คาดว่าเบี้ยทั้งระบบน่าจะมีโอกาสเติบโตดีกว่าปี 2567 หรือโตระหว่าง 0.5-2.5% เหตุผลเพราะปีที่แล้วการขยายตัวของประกันภัยรถยนต์หดตัวลงไปมาก ขณะเดียวกันไม่มีการลงทุนโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐ

ADVERTISMENT

แต่พอมาปีนี้เริ่มเห็นแนวโน้มการลงทุนโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐ ขณะเดียวกันภาคธุรกิจโดยเฉพาะอย่างยิ่งภาคท่องเที่ยวและโรงแรมเริ่มฟื้นตัว ทำให้ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวไม่ว่าจะเป็นการขนส่งและการบริโภค ค่อย ๆ ปรับตัวดีขึ้น จึงเริ่มสังเกตเห็นภาคอุตสาหกรรมและการผลิตมีการเพิ่มกำลังการผลิตขึ้นมา ดังนั้นปัจจัยเหล่านี้ทำให้เชื่อว่าเบี้ยประกันปีนี้จะเติบโตดีขึ้นกว่าปีที่แล้ว

ตั้งเป้าปีนี้โต 3 เท่าอุตฯ

สำหรับธุรกิจของทิพยประกันภัยเมื่อปี 2567 เบี้ยรับรวมหดตัว 6% สาเหตุเพราะบริษัทมีความระมัดระวังในการรับประกันภัยรถยนต์ไฟฟ้า (EV) เนื่องจากโครงสร้างเบี้ยส่วนใหญ่ในตลาดยังขาดทุนอยู่ ขณะเดียวกันได้ชะลอการรับประกันภัยรถซ่อมห้าง เพราะเจออัตราค่าสินไหมทดแทน (Loss Ratio) ที่สูงถึง 110-115% โดยมีค่าใช้จ่ายรวม (Combined Ratio) สูงถึง 130% จึงกดดันเบี้ยรับรวมในปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ดีการย่อตัวของเบี้ยประกันก็เพื่อที่จะปรับโครงสร้างการรับประกันภัย โดยเบี้ยประกันภัยรถยนต์เชื่อว่ายังมีหลาย Area ในการเข้าไปทำตลาดอยู่

ADVERTISMENT

สำหรับเป้าหมายเบี้ยประกันปีนี้ของทิพยประกันภัย ตั้งเป้าการเติบโต 3 เท่าของเบี้ยรับรวมทั้งอุตสาหกรรมฯ เพราะมองว่าอุตสากรรมประกันภัยหดตัวลงไปมาก และปีนี้มีแรงหนุนจากแนวโน้มเบี้ยประกันจากการลงทุนของภาครัฐและเอกชนที่จะมากขึ้น ซึ่งเป็นพอร์ต Non-Motor ที่บริษัททิพยประกันภัยค่อนข้างเชี่ยวชาญอยู่แล้ว ดังนั้นเชื่อว่าจะได้งานส่วนนี้และสร้างการเติบโตได้ตามเป้าหมาย

“ปัจจุบันเรามีพอร์ตประกันรถยนต์เพียงแค่ 23% ที่เหลือเป็นพอร์ต Non-Motor โดยตามแผนพยายามบาลานซ์พอร์ตรถยนต์ไม่ให้เกิน 30% ของพอร์ตโฟลิโอ เนื่องจากประกันรถยนต์เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีโอกาสขาดทุนสูง” ดร.สมพร กล่าว

ระมัดระวังรับประกันรถอีวี-ซ่อมห้าง

ในส่วนการเติบโตของพอร์ตประกันรถยนต์ปีนี้ตั้งเป้าเบี้ยประกันโต 5% จากปีที่แล้วหดตัว 6% หรือมีพอร์ตมูลค่า 7,189 ล้านบาท (เบี้ยรถอีวีประมาณ 500 ล้านบาท) โดยยังคงระมัดระวังการรับประกันรถอีวี แต่ไม่ใช่ว่าจะไม่รับประกันยังรับอยู่ โดยรถอีวีจะเน้นรับงานลูกค้าที่ซื้อประกันเอง ไม่ใช่จากงานดีลเลอร์ที่กำหนดราคาเบี้ยไว้ค่อนข้างต่ำกว่าความเสี่ยงมาก มำให้เบี้ยรถอีวีปีนี้น่าจะชะลอตัวลง และยังคงมีความระมัดระวังเรื่องการรับประกันรถซ่อมห้างเหมือนเดิม