ธนารักษ์วาง 5 กลยุทธ์เพิ่มมูลค่าทรัพย์สินแผ่นดิน ตั้งเป้าเพิ่มรายได้ 20% ในปี’69

เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ
เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ

ธนารักษ์พลิกบทบาทกรม วาง 5 กลยุทธ์ “เพิ่มมูลค่า-คุณค่า” ทรัพย์สินของแผ่นดิน ตั้งเป้าเพิ่มรายได้และ ROA ในส่วนของที่ราชพัสดุเชิงพาณิชย์ให้สูงขึ้น 20% ภายในปี 2569

นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมธนารักษ์ ประกาศยุทธศาสตร์และบทบาทใหม่ของกรมธนารักษ์ ในการเพิ่มมูลค่าและคุณค่าทรัพย์สินของแผ่นดิน ขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ยกระดับคุณภาพชีวิตให้พี่น้องประชาชน ส่งเสริมสิ่งแวดล้อมและวัฒนธรรม เดินหน้าประเทศไทยสู่ความยั่งยืน ผ่านกลยุทธ์ “VALUE” เพื่อให้เกิดการนำทรัพย์สินของแผ่นดินที่กรมรับผิดชอบ ทั้งที่ราชพัสดุและเหรียญกษาปณ์มาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ทั้งในมิติเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม และวัฒนธรรม พร้อมยกระดับการทำงานด้วยการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ เพื่อช่วยจัดการวิเคราะห์ฐานข้อมูลให้มีประสิทธิภาพ สะดวก รวดเร็ว แม่นยำ และโปร่งใส

นายเอกนิติกล่าวว่า แม้ที่ผ่านมากรมธนารักษ์ได้มีการพัฒนาและยกระดับการทำงานมาอย่างต่อเนื่อง แต่ด้วยบริบทโลกที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว ทั้งเรื่องปัญหาเศรษฐกิจ ปัญหาสังคม และปัญหาสิ่งแวดล้อม

กรมธนารักษ์จึงได้นำมิติต่าง ๆ มาพิจารณา เพื่อให้การปฏิบัติภารกิจหน้าที่ของหน่วยงานก้าวทันกับความเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น โดยใช้กลยุทธ์ ‘VALUE’ ประกอบด้วย 5 เสาหลัก ดังนี้

เสาที่ 1 V : Value กลยุทธ์เพิ่มมูลค่าและคุณค่าที่ราชพัสดุ โดยจัดทำ Master Plan เพื่อพัฒนาพื้นที่แบบองค์รวม เพื่อให้การจัดประโยชน์ใช้ที่ราชพัสดุเหมาะสมกับภาวะเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม และวัฒนธรรมในแต่ละพื้นที่ โดยในปี 2568 นี้จะมีการทำพื้นที่ทดลอง Sandbox ในจังหวัดนครนายก หรือนครนายกโมเดล เพื่อเป็นพื้นที่ต้นแบบ

นอกจากนั้น จะมีการประสานงานกับหน่วยงานที่ครอบครองที่ราชพัสดุด้วยการเพิ่มมูลค่าการใช้ประโยชน์ที่ดินให้เต็มศักยภาพ ทั้งนี้ กรมธนารักษ์ได้ตั้งเป้าเพิ่มรายได้และอัตราผลตอบแทนจากสินทรัพย์ (Return on Asset) ในส่วนของที่ราชพัสดุเชิงพาณิชย์ให้สูงขึ้น 20% ภายในปี 2569

ADVERTISMENT

เสาที่ 2 A : Appraise กลยุทธ์เพิ่มความแม่นยําในการประเมินราคาที่ดินด้วยการพัฒนาฐานข้อมูลการประเมินราคาให้สอดคล้องกับราคาตลาดและเป็นธรรม โดยมีการนำเทคโนโลยีที่เหมาะสมมาใช้ ในการประเมินราคาที่ดินเพื่อเพิ่มความถูกต้อง ทั้งนี้ กรมตั้งเป้าที่จะลดความต่างระหว่างราคาประเมินและราคาตลาดให้เหลือไม่เกิน 15% ภายในปี 2569 นอกจากนี้ กรมจะพัฒนาระบบสืบค้นราคาประเมินที่ดินออนไลน์ เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถค้นหาข้อมูลราคาประเมินได้ง่าย สะดวก และรวดเร็ว

เสาที่ 3 L : Legacy กลยุทธ์เพิ่มคุณค่าทางประวัติศาสตร์ให้เหรียญกษาปณ์และพิพิธภัณฑ์ของกรมธนารักษ์ โดยจะมีการยกระดับการผลิตและจำหน่ายเหรียญกษาปณ์ให้เป็นมาตรฐานสากลและพัฒนาตลาดรอง เพื่อเพิ่มมูลค่าเหรียญกษาปณ์ให้ตรงตามความต้องการของนักสะสมเหรียญ และนำแนวคิด ESG มาใช้ในกระบวนการผลิตเหรียญกษาปณ์เพื่อตอบโจทย์สิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล

นอกจากนี้ จะมีการบูรณาการร่วมกับชุมชนเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวเรียนรู้เชิงประวัติศาสตร์และอนุรักษ์วัฒนธรรม รวมถึงส่งเสริมให้พิพิธภัณฑ์ของกรมสามารถช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจชุมชน ยกระดับคุณภาพชีวิตพี่น้องประชาชนในพื้นที่และละแวกใกล้เคียง

เสาที่ 4 U : Unity กลยุทธ์ความเป็นหนึ่งเดียวของบุคลากร ส่งเสริมบุคลากรของกรมธนารักษ์ ให้เก่ง ดี และมีความสุข ด้วยการเพิ่มเติมทักษะที่จำเป็นทั้งในเรื่องงาน Current Skill และ Future Skill จัดตั้งโรงเรียนธนารักษ์ออนไลน์ ส่งเสริมให้บุคลากรของกรมธนารักษ์เป็นคนดี ผ่านการนําองค์กรคุณธรรมมาใช้ เพื่อให้เกิดความโปร่งใส ซื่อสัตย์ ตรวจสอบได้ และยังส่งเสริมบุคลากรของกรมธนารักษ์ให้มีความสุข มีการสร้างองค์กรรมนียสถานที่เอื้อต่อการทํางาน และสนับสนุนการทำงานให้มีประสิทธิภาพ

เสาที่ 5 E : Efficiency กลยุทธ์เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและการให้บริการประชาชน ด้วยการปรับกระบวนการทํางานให้คล่องตัวแบบ Agile และการนำเทคโนโลยีดิจิทัล การวิเคราะห์ข้อมูล และเอไอ (Digital, Data, AI) มาใช้ในการทำงาน โดยในปี 2568 นี้จะมีการพัฒนา ‘น้องรักษ์’ ซึ่งเป็นระบบ AI มาเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของเจ้าหน้าที่และยกระดับการให้บริการประชาชน ให้สะดวกและรวดเร็วมากยิ่งขึ้น

รวมทั้งจะมีการปรับปรุงกฎหมายและกฎระเบียบ รวมถึงลดขั้นตอนการทำงานต่าง ๆ ที่ไม่จำเป็น พร้อมทั้งจะมีการกระจายอำนาจให้ธนารักษ์ภาค เพื่อให้การทำงานมีประสิทธิภาพและรวดเร็วมากยิ่งขึ้น

สำหรับการดำเนินกลยุทธ์ดังกล่าวในปีนี้ กรมธนารักษ์จะพัฒนาโครงการต้นแบบในรูปแบบต่าง ๆ อาทิ

1.โครงการธนารักษ์เอื้อราษฎร์ต้นแบบ โดยมีชุมชนเป็นแกนกลาง เพื่อส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืน

2.โครงการร่วมมือกับกระทรวงสาธารณสุข เพื่อนำที่ราชพัสดุมาใช้ประโยชน์ในการให้บริการทางการแพทย์แก่ประชาชน

3.โครงการต้นแบบพัฒนาอาคารเชิงอนุรักษ์วัฒนธรรม เช่น โครงการพิพิธตลาดน้อยที่ดำเนินการเสร็จไปแล้ว

4.โครงการต้นแบบพลังงานสะอาด อาทิ การทำฟาร์มพลังงานแสงอาทิตย์ ในที่ราชพัสดุ การติดตั้งพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคาอาคาร เป็นต้น

“ด้วยยุทธศาสตร์และกลยุทธ์ที่กรมธนารักษ์ตั้งใจจะขับเคลื่อนนี้ จะเป็นการวางรากฐานสำคัญในการเพิ่มมูลค่าและคุณค่าทรัพย์สินของแผ่นดิน เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ยกระดับคุณภาพชีวิตให้พี่น้องประชาชน ส่งเสริมสิ่งแวดล้อม และวัฒนธรรม สร้างความยั่งยืนต่อไป” นายเอกนิติกล่าว