งัดบล็อกเชนตรวจภาษี VAT สรรพากรมั่นใจปิดช่องคนโกงอยู่หมัด

อธิบดีสรรพากรนำเทคโนโลยีบล็อกเชนมาใช้ตรวจสอบภาษี VAT เชื่อช่วยขจัดการโกงภาษีได้ เดินหน้าดิจิทัลทรานส์ฟอร์มเต็มสูบ วาดฝันอนาคตการยื่นภาษีเป็นแบบอัตโนมัติ พร้อมสร้างแชตบอต “น้องอารี” ตอบปัญหาทางภาษีแก่ประชาชน

นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมสรรพากร กล่าวในงานสัมมนาเศรษฐกิจประจำปีสมาคมเศรษฐศาสตร์ธรรมศาสตร์ปี 2561 หัวข้อ “สรรพากรในยุคข้อมูลใหม่ ประชาชนได้อะไร” ว่า ขณะนี้กรมอยู่ระหว่างทดลองนำเทคโนโลยีบล็อกเชนมาใช้ในการตรวจสอบภาษี ซึ่งจะช่วยขจัดปัญหาการโกงภาษีได้ โดยเฉพาะการนำมาใช้ตรวจสอบการเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ที่มีภาษีซื้อและภาษีขาย

“ตอนนี้กำลังดูเอามาใช้กับระบบ VAT ซึ่งจะมีภาษีซื้อและภาษีขาย จะทำให้การโกงภาษีลดลงได้ ซึ่งตอนนี้ยังอยู่ในขั้นทดสอบใน LAB อยู่” นายเอกนิติกล่าว

ทั้งนี้ ปัจจุบันกรมสรรพากรอยู่ระหว่างเดินหน้าดิจิทัลทรานส์ฟอร์ม โดยกำลังดำเนินการตามแผน quick win ทั้งการเชื่อมโยงข้อมูลภายในและภายนอกเพื่อให้เกิดบิ๊กดาต้า ซึ่งจะสามารถนำมาวิเคราะห์และนำไปสู่การเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดเก็บภาษีในอนาคต

นายเอกนิติกล่าวว่า การนำระบบดิจิทัลมาใช้และการวิเคราะห์ข้อมูลที่เป็นบิ๊กดาต้าจะช่วยให้กรมสามารถแยกแยะผู้เสียภาษีที่ดีกับไม่ดีได้ จะได้มุ่งตรวจสอบแต่คนไม่ดี ส่วนคนดีก็จะได้รับการคืนภาษีที่เร็วขึ้น ซึ่งต่อไปจะมีการนำปัญญาประดิษฐ์ (AI) มาช่วยตรวจสอบภาษี ซึ่งจะลดการใช้ดุลพินิจไปได้

“ความฝันก็คือ ท้ายที่สุดถ้าเชื่อมโยงข้อมูลได้ทั้งหมด จะนำไปสู่ auto filing ได้” นายเอกนิติกล่าว

นอกจากนี้ กรมสรรพากรยังมีนโยบายที่ยึดผู้เสียภาษีเป็นศูนย์กลาง โดยขณะนี้ได้สร้างแชตบอตชื่อ “น้องอารี” ขึ้นมา เพื่อตอบปัญหาผู้เสียภาษี ซึ่งอยู่ระหว่างทดลองใช้และพัฒนาระบบ

อธิบดีกรมสรรพากรกล่าวด้วยว่า ตอนนี้กรมไม่มีนโยบายไปไล่เก็บภาษีรายย่อย แต่จะเน้นสร้างความเป็นธรรม อย่างเช่น การที่จะเข้าไปเก็บภาษีขายสินค้าออนไลน์ ก็เพราะว่าปัจจุบันมีการเลี่ยงภาษีกันอยู่มาก ทำให้ผู้ค้าขายอื่น ๆ ที่เสียภาษีตรงไปตรงมาไม่ได้รับความเป็นธรรม

ขณะที่นายปิ่นสาย สุรัสวดี รักษาการในตำแหน่งที่ปรึกษาด้านยุทธศาสตร์การจัดเก็บภาษี ในฐานะโฆษกกรมสรรพากร กล่าวว่า ที่ผ่านมากรมสรรพากรได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องและจริงจังกับผู้ประกอบการ ทั้งที่เป็นผู้ออกและผู้ใช้ใบกำกับภาษีโดยมิชอบด้วยกฎหมาย ล่าสุดเมื่อเร็ว ๆ นี้ศาลอาญาได้มีคำพิพากษาลงโทษทางอาญาผู้ที่ได้ร่วมกันกระทำความผิดออกใบกำกับภาษีขายให้กับบริษัท/ห้าง/ร้าน โดยมิได้มีการประกอบกิจการจริง ซึ่งมีความผิดรวม 8 กระทง เป็นโทษจำคุก 8 ปี เนื่องจากการออกใบกำกับภาษีโดยมิชอบด้วยกฎหมาย 1 ฉบับ เท่ากับความผิด 1 กระทง แต่จำเลยรับสารภาพมีเหตุบรรเทาโทษ จึงลดโทษให้กึ่งหนึ่ง เป็นโทษจำคุกรวม 4 ปี พร้อมริบของกลาง

“ผู้ซื้อใบกำกับภาษีไปใช้ ต้องรับผิดทั้งทางแพ่งและทางอาญา โดยโทษทางแพ่งต้องรับผิดเบี้ยปรับ 2 เท่าของจำนวนภาษีตามใบกำกับภาษี พร้อมทั้งเงินเพิ่มตามกฎหมายอีก 1.5% ต่อเดือน หรือเศษของเดือนของจำนวนเงินภาษี สำหรับโทษทางอาญา ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 3 เดือนถึง 7 ปี และปรับตั้งแต่ 2,000 บาทถึง 2 แสนบาท” นายปิ่นสายกล่าว