“เอเซีย พลัส” เปิดรายชื่อหุ้นหลุมลบภัยสงครามการค้าฯ

ฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เอเซีย พลัส เปิดเผยว่า ความกังวลผลกระทบจากสงครามการค้าสหรัฐฯกับจีน กลับมากดดันตลาดหุ้นทั่วโลกอีกครั้ง เมื่อคืนดาวโจนส์ดิ่งลงไปกว่า 473 จุด หรือ 1.79% หรือเป็นการลงภายในวันเดียวที่ถือว่ามากสุด นับตั้งแต่ต้นปี 2562

ขณะที่เช้านี้ ตลาดหุ้นในภูมิภาคมีการปรับลงเช่นกัน ตลาดหุ้นไทยเอง ร่วงลง 12 จุด ไม่เพียงเท่านี้ สงครามการค้า ยังสร้างความกังวลต่อความต้องการน้ำมันที่ลดลงด้วย และกดดันราคาน้ำมันดูไบลดลงอีก 2% มาที่ 67 เหรียญ/บาร์เรล ต่ำสุดในรอบ 1 เดือนครึ่ง

ล่าสุด กระทรวงพาณิชย์ของจีน ออกแถลงการณ์ยืนยันว่า นาย Liu He ผู้นำเจรจาการค้าของจีน ยังคงกำหนดการเยือนสหรัฐฯในวันที่ 9-10 พ.ค.62 เพื่อเจรจาประเด็นทางการค้า ท่ามกลางเส้นตายของทรัมป์ ที่ประกาศจะขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีน เป็น 25% ในวันที่ 10 พ.ค.62 นี้

ทั้งนี้ สำนักข่าวหลายแห่งรายงานตรงกันว่า ทางการจีนพร้อมจะตอบโต้ทางการค้าต่อสหรัฐฯในทันที หากประกาศของทรัมป์ดังกล่าว มีผลบังคับใช้

เมื่อประเด็นภายนอกรุมเร้าตลาดหุ้นโลกเช่นนี้ และจะกดดันให้ตลาดหุ้นไทยผันผวน ฝ่ายวิจัย ASP ประเมินว่า SET Index จะแกว่งตัวในกรอบ 1660-1675 จุด ดังนั้นจึงต้องหันหามาหุ้นหลุมหลบภัยจากสงครามการค้า นั่นก็คือ หุ้นที่อิง Domestic นั่นเอง

โดยใช้กลยุทธ์ “DE ดี” (Defensive, Earning Outlook ดี) แบ่งออกเป็น 2 กลุ่มหลักๆ ได้แก่ 1.หุ้นในประเทศ ที่ได้รับปัจจัยหนุนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐ

2. หุ้นที่มีแนวโน้มผลประกอบการโดดเด่นในไตรมาส 1/62 คือเติบโตทั้ง qoq และ yoy ซึ่งฝ่ายวิจัยฯแนะนำ“ซื้อ” และมี Upside สูง(ตามตาราง)

สำหรับหุ้น top pick วันนี้ เลือก SEAFCO ราคาเป้าหมาย 11.30 บาท ราคาเริ่มฟื้นตัว และมี Momentum ดีจากกำไรสุทธิไตรมาส 1/62 ที่คาดโดดเด่นทำ New High ต่อเนื่องที่ 121.8 ล้านบาท โตถึง 157% yoy และ 4% qoq รวมทั้ง SEAFCO มัก Outperform ตลาดได้ดีในเดือนพ.ค.ตลอด 5 ปี ให้ผลตอบแทนเป็นบวกทุกปีเฉลี่ยสูงถึง 5.21% ขณะที่หุ้นไทยเดือนพ.ค. มักจะเป็นเดือนที่ติดลบมากสุดของปี

ROBINS ราคาเป้าหมาย 70 บาท เป็นหุ้นค้าปลีกที่คาด PER ปี 62 ต่ำสุดในกลุ่มเพียง 20.5 เท่า และลักษณะธุรกิจหลักๆเป็นการบริโภคภายในประเทศ จึงไม่ได้รับผลกระทบจากประเด็นสงครามการค้า