“กสิกรไทย” โชว์สูตรยกระดับบริการแบงก์กิ้ง งัดฟีเจอร์เคพลัสอนุมัติสินเชื่อ 19 นาที ยอดทะลุ 200 ลบ.

“พิพิธ เอนกนิธิ” แม่ทัพธนาคารกสิกรไทยเผย 3 สูตรลับยกระดับแบงก์กิ้งรับเทคโนโลยีดิจิทัล ชูฟีเจอร์ใหม่บน “เคพลัส” อนุมัติสินเชื่อภายใน 19 นาที หลังเปิดตัว 5 วันทำยอดทะลุ 200 ล้านบาท

นายพิพิธ เอนกนิธิ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) เปิดเผยในงานสัมมนาประชาชาติธุรกิจ “Game Changer Part II เกมใหม่เปลี่ยนอนาคต” ว่า ที่ผ่านมาธนาคารเติบโตบน S-Curve ที่ 1 ที่มาจากนวัตกรรมที่ทั่วโลกให้การยอมรับในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา ซึ่งนั่นก็คือ เอทีเอ็ม (ATM) เพราะส่งผลให้คนไม่ไปสาขาธนาคาร เนื่องจากการบริหารจัดการเงินสดส่วนตัวและการทำธุรกิจสามารถทำได้ง่ายขึ้น

อย่างไรก็ตาม การที่ธนาคารกสิกรฯ ถูกจัดอันดับให้เป็น The Most Innovative Financial Service ในเมืองไทย แม้เป็นสิ่งที่น่าภูมิใจก็จริง แต่เมื่อถามกลับมาว่าวงการธนาคารมี Financial Service (บริการทางการเงิน) ที่เป็นนวัตกรรมที่ตอบโจทย์ให้กับลูกค้ายังมีน้อยมาก ขณะวันนี้วงการธนาคารเดินเข้ามาสู่ Digital Era (ยุคดิจิทัล) ที่ทุกอย่างอยู่บนมือถือ โดยจำนวนธุรกรรม (transaction) บนมือถือปัจจุบันสูงกว่าหลายเท่าตัวเมื่อเทียบกับจำนวนธุรกรรมผ่านช่องทางอื่นๆ ยกตัวอย่างเช่น ธุรกรรมบนแอปพลิเคชั่นเคพลัส (K+) ที่สูงถึง 15 ล้านธุรกรรมต่อวัน ครองมาร์เก็ตแชร์เกือบ 50% ในตลาด และปัจจุบันสามารถอนุมัติสินเชื่อบนแอปพลิเคชั่นได้ภายใน 19 นาที ซึ่งหลังปล่อยฟีเจอร์ออกมาได้ 5 วัน มียอดเงินที่อนุมัติรวมแล้วกว่า 200 ล้านบาท

“วันนี้โลก landscape ทุกๆ อุตสาหกรรม และพฤติกรรมลูกค้าเปลี่ยนไป ทั้งธนาคารกสิกรไทยหรือวงการการเงินธนาคารจะเดินต่อไปบน Digital Space เพื่อให้ทันโลกและตอบโจทย์การใช้นวัตกรรมมาสร้างบริการที่ดีขึ้นให้กับลูกค้า และวันนี้เราอยู่ในโหมดที่เป็น S-Curve ที่ 2 ซึ่งอาจจะเจออะไรที่เป็นอุสรรคในใจหรือในองค์กรผ่านการเปลี่ยนแปลงของโลก” นายพิพิธ กล่าว

อย่างไรก็ตาม ทุกครั้งที่พูดถึงการเปลี่ยนแปลงของโลก บริษัทจะเผชิญปัญหาว่าส่วนของธุรกิจเดิมก็จะต้องทำ โดยเฉพาะบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ต้องยอมรับว่านักลงทุน (shareholder investor) ยังต้องการให้บริษัทฯ โชว์ผลประกอบการที่ดีอยู่ ในขณะเดียวกันหากบริษัทฯ ต้องนำเงินไปลงทุนในเทคโนโลยีอาจส่งผลให้ผลการดำเนินงาน (performance) ออกมาไม่ดีนัก นอกจากนี้หากนำเงินไปลงทุนน้อยก็อาจจะไม่ทันเกมส์ เพราะฉะนั้นบริษัทฯ จะต้องคิดว่าบน S-Curve ที่ 2 จะเริ่มลงทุนอะไรและจะจัดการกับองค์กรอย่างไร

นายพิพิธ เสริมว่า ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ธนาคารกสิกรไทยนำเทคโนโลยีดิจิทัล (Digital Technology) มาเปลี่ยนและขับเคลื่อนองค์กร โดยสรุปออกมาได้ 3 สูตร ได้แก่ 1.การเปลี่ยนค่านิยมในองค์กร คือ การที่จะทำให้คนในองค์กรเชื่อและทำออกมาเป็นการกระทำใหม่ 2.เปลี่ยนวิธีการที่ทำงาน (Change the way we work) เพราะองค์กรไม่มีวันได้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้นด้วยวิธีการทำงานแบบเดิม ดังนั้น การที่เปลี่ยนวิธีการทำงานจะทำให้ได้ผลลัพธ์ที่แตกต่างออกไป และ 3.การหาพันธมิตร (Partner) ซึ่งอาจเป็นคู่ค้า คู่แข่ง และลูกค้า ที่จะมาร่วมสร้างสิ่งใหม่ๆ ที่จะมาตอบโจทย์ให้กับลูกค้าได้