BCAP เพิ่มน้ำหนักลงทุนหุ้นยุโรป หวังรัฐกระตุ้น ศก.พยุงตลาด ดันเป้า AUM ปีนี้ 4 หมื่นล.

ดร.ธนาวุฒิ พรโรจนางกูร หัวหน้าสายงานบริหารการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน บางกอกแคปปิตอล จำกัด หรือ BCAP เปิดเผยว่า ช่วงนี้ตลาดหุ้นไทยอาจจะพักฐาน แต่จนถึงปลายปีก็อาจจะขยับขึ้นไปต่อได้บ้าง โดยปัจจัยบวกหลักที่จะช่วยหนุนตลาดหุ้นไทยได้อยู่บ้างคือ การเมืองในประเทศที่ชัดเจน โดยคาดว่ารัฐบาลใหม่จะเร่งออกนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจช่วงปลายปีนี้ เพราะเม็ดเงินลงทุนต่างชาติ (ฟันด์โฟลว์) และผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนไทย (บจ.) อาจจะไม่ได้น่าตื่นเต้นมาก โดยคาดว่าปีนี้ กำไร บจ.คงโตได้ไม่เกิน 5%

ทั้งนี้ หากดูตัวเลขตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน (YtD) พบว่าไตรมาสแรกแทบไม่ได้โตอยู่แล้ว พอเข้าสู่ช่วงไตรมาส 2 ดูจากตัวเลขจำนวนนักท่องเที่ยวที่เข้ามา และตัวเลขการส่งออกก็ไม่รอด รวมถึงตัวเลขรายได้ธนาคารพาณิชย์ที่ปริ่มๆ ตามคาดการณ์ ซึ่งหลายแบงก์ก็เริ่มมีการตั้งสำรอง ทำให้เริ่มเห็นภาพที่ไม่ได้สวยงามมากในไตรมาส 2 จึงทำให้ภาพรวมทั้งปีไม่น่าจะตื่นเต้นมาก ดังนั้น exposure  หุ้นไทยควรจะเป็นลักษณะ “Selective” เลือกธุรกิจที่มองแล้วยังมีโอกาส แต่จำเป็นต้องกระจายลงทุนในต่างประเทศด้วย โดยเฉพาะบริษัทจดทะเบียนในยุโรปที่ปีนี้ยังมองว่าผลกำไร บจ.จะเติบโตประมาณ 15%

ปัจจุบันบริษัทคงน้ำหนักการลงทุน (Neural) หุ้นทั้งโลก เนื่องจากยังมีปัจจัยเสริมเรื่องของ Cycle ธนาคารกลางทั่วโลกที่มีนโยบายผ่อนคลายทางการเงิน แต่หุ้นไทยอาจจะลดน้ำหนักการลงทุน (Underweight) กว่าเป้าหมายของบริษัท ในขณะที่เพิ่มน้ำหนักการลงทุน (Overweight) ในหุ้นยุโรป หุ้นอิงเศรษฐกิจในประเทศในเอเชีย และหุ้นที่ไม่ได้รับผลกระทบจากสงครามการค้า

Advertisment

นางเมธ์วดี ประเสริฐสินธนา กรรมการผู้จัดการ บลจ.บางกอกแคปปิตอล จำกัด หรือ BCAP กล่าวว่า ปัจจุบันมูลค่าสินทรัพย์ภายใต้การบริหาร (AUM) อยู่ที่ 36,200 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13% จากช่วงสิ้นปี 2561 ที่อยู่ 32,000 ล้านบาท โดยคาดว่าสิ้นปีนี้มูลค่าสินทรัพย์ภายใต้การบริหารจะขยับขึ้นไปแตะ 40,000 ล้านบาท โดยก่อนหน้านี้บริษัทเปิดตัวกองทุนเปิดบีแคป โกลบอล เวลท์ (BCAP Global Wealth) ซึ่งเป็นกองทุนหลักที่มีนโยบายการลงทุนที่ครอบคลุมสินทรัพย์ทั่วโลก โดยนักลงทนสามารถเลือกการลงทุนตามความเสี่ยง 5 ระดับผ่าน 5 กองทุน ซึ่งมีทีมผู้จัดการกองทุนที่มีความเชี่ยวชาญคอยดูแลปรับพอร์ตกาารลงทุนให้อย่างใกล้ชิด เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการลงทุนอย่างเป็นองค์รวม และประสบผลสำเร็จในการลงงทุนระยะยาว โดยปัจจุบันกองทุนนี้มีมูลค่ายอดขายกองทุนอยู่ที่ 1,800 ล้านบาท เพิ่มขึ้นมาจากตอนเปิดตัวที่อยู่ 1,000 ล้านบาท