บอริส จอห์นสัน จะมีผลต่อราคาทองคำ?

คอลัมน์ สถานีลงทุน

โดย ธนรัชต์ พสวงศ์ ฮั่วเซ่งเฮง โกลด์ ฟิวเจอร์ส

ราคาทองคำตลาดโลกได้ปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องในระดับสูงสุดของปีนี้ที่ 1,452 ดอลลาร์/ออนซ์ และนับว่าเป็นระดับสูงสุดในรอบกว่า 6 ปี ท่ามกลางสถานการณ์การเมืองระหว่างสหรัฐและอิหร่านที่ตึงเครียดมากยิ่งขึ้น ประธานเฟดได้ส่งสัญญาณการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนกรกฎาคมและสงครามการค้าโลก

ทั่วโลกได้จับตาหลังจากที่อังกฤษเริ่มต้นกระบวนการสรรหานายกรัฐมนตรีคนใหม่ เพื่อทดแทนนางเทเรซา เมย์ อดีตนายกรัฐมนตรีอังกฤษ และผลก็เป็นไปตามคาดเมื่อนายบอริส จอห์นสัน อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศอังกฤษ ซึ่งถือว่าเป็นตัวเก็งอันดับ 1 ได้รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอังกฤษ นายบอริส จอห์นสัน เป็นผู้รณรงค์คนสำคัญที่ให้อังกฤษถอนตัวจากสหภาพยุโรป (EU) ในการลงประชามติในปี 2559 การเข้ารับดำรงตำแหน่งของนายบอริส จอห์นสัน นั้น อาจสร้างความปั่นป่วนและความผันผวนของตลาดการเงิน ตลาดทองคำมากขึ้น ไม่แตกต่างจากนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ เนื่องจากก่อนหน้านี้นายจอห์นสันเคยอยู่ร่วมคณะรัฐมนตรีกับนางเทเรซา เมย์ แต่ได้ลาออกในเวลาต่อมา เนื่องจากไม่พอใจต่อการดำเนินการเจรจาเกี่ยวกับข้อตกลง Brexit ของนางเทเรซา เมย์

นอกจากนี้ นายจอห์นสันยังเคยกล่าวว่า อังกฤษจะต้องแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (EU) ในวันที่ 31 ต.ค. ไม่ว่าจะมีการทำข้อตกลงหรือไม่ก็ตาม ทั้งนี้ ยังเคยคัดค้านการจัดประชามติครั้งใหม่เกี่ยวกับ Brexit เนื่องจากสร้างความแตกแยกในประเทศ

นายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษคนใหม่นั้น มีความต้องการเข้าพบประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เป็นอันดับแรก เพื่อเจรจาข้อตกลงการค้าภายหลังอังกฤษแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) ท่ามกลางความยินดีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ในขณะที่อิหร่านก็แสดงความยินดีเช่นกัน แม้ว่าก่อนหน้านี้สถานการณ์ระหว่างอิหร่านกับอังกฤษมีความตึงเครียดในขณะนี้ที่เกิดขึ้นจากที่รัฐบาลอังกฤษได้ยึดเรือบรรทุกน้ำมันของอิหร่านตามคำสั่งของสหรัฐ ซึ่งอิหร่านมองว่าเป็นการกระทำของโจรสลัด ทั้งนี้ รัฐบาลอังกฤษก็เตรียมประกาศมาตรการตอบโต้อิหร่านที่ได้ยึดเรือบรรทุกน้ำมันของอังกฤษ เพื่อตอบโต้ต่อการที่อังกฤษยึดเรือบรรทุกน้ำมันอิหร่านก่อนหน้านี้

นอกจากประเด็นเรื่องความกังวลเกี่ยวกับการแยกตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรปแล้ว ทองคำยังมีปัจจัยบวกอีกหลายปัจจัย จากการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกยังมีแนวโน้มในช่วงขาลง เนื่องจากความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐและประเทศคู่ค้าที่ยังคาราคาซังกันอยู่ ในขณะที่ปริมาณการค้าโลกได้ลดลงสู่ระดับ 0.50% ในไตรมาสแรกเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกับปีที่แล้ว สถานการณ์ในตะวันออกกลาง การปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเฟด ทำให้ราคาทองคำยังคงมีทิศทางขาขึ้น อย่างไรก็ดี คาดว่าการปรับขึ้นของราคาทองคำเริ่มมีกรอบที่จำกัด (sideways up) โดยราคาทองคำมีแนวต้านที่ 1,450 ดอลลาร์/ออนซ์ และแนวต้านถัดไปที่ 1,480 ดอลลาร์/ออนซ์ สำหรับกลยุทธ์การลงทุนแนะนำทยอยสะสมเมื่อราคาทองคำตลาดโลกปรับลงมาที่ 1,400 ดอลลาร์/ออนซ์ และ 1,380-1,385 ดอลลาร์/ออนซ์