ค่า​เงิน​บาท​เปิด​ 30.64 บาท​/​ดอลลาร์​ จับตาตัวเลขจ้างงาน​สหรัฐ-เอฟเฟ็กต์​เทรดวอร์

ดร.จิติพล พฤกษาเมธานันท์ ประธานนักกลยุทธ์ตลาดทุนสายงานธุรกิจตลาดเงินทุน ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า​ ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้​ (2​ ก.ย.)​ ที่ระดับ 30.64 บาท​ต่อ​ดอลลาร์​สหรัฐ อ่อน​ค่าจากช่วงปิดสิ้นสัปดาห์ก่อนที่ระดับ 30.57 บาทต่อดอลลาร์​สหรัฐ โดย​กรอบค่าเงินบาทวันนี้​อยู่​ระหว่าง​ 30.58-30.68 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ​ ส่วน​กรอบค่าเงินบาทสัปดาห์นี้อยู่ที่ 30.30-30.80 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ​

สำหรับสัปดาห์นี้ ประเด็นที่ต้องติดตามจะกลับมาเป็นตัวเลขเศรษฐกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในฝั่งสหรัฐ ที่มีรายงานการจ้างงานนอกภาคการเกษตร และดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อทั้งในและนอกภาคการผลิต จึงมีความเป็นไปได้สูงที่ตลาดจะเคลื่อนไหวในกรอบแคบและนักลงทุนจะระมัดระวังตัวก่อนรายงานตัวเลขดังกล่าว

ขณะเดียวกัน ก็ต้องจับตาแรงขายทำกำไรสินทรัพย์เสี่ยงในฝั่งเอเชีย เนื่องจากในระยะสั้น ทั้งสหรัฐและจีน ไม่มีทีท่าที่จะสามารถหาข้อตกลงยุติสงครามการค้ากันได้

และถ้าเศรษฐกิจสหรัฐยังคงขยายตัวได้ดีต่อเนื่อง โดนัลด์ ทรัมป์ ก็จะสามารถกดดันทั้งเฟดและจีนได้ต่อ ส่งผลให้ผลตอบแทน​พันธบัตร​ (บอนด์ยีลด์)​ สหรัฐทรงตัวในระดับต่ำแต่เงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น

ด​ร.จิติพล​ กล่าวอีกว่า​ ในสัปดาห์นี้ ตลาดการเงินจะเริ่มเข้าสู่ช่วงที่สหรัฐจะเก็บภาษี 15% จากสินค้าจีน เช่น เสื้อผ้าและรองเท้า มูลค่า 1.25 แสนล้านดอลลาร์ ส่วนจีนก็เรียกเก็บภาษี 5%-10% บนน้ำมันดิบและสินค้าเกษตร ซึ่งไม่เป็นบวกกับทิศทางการลงทุน

ขณะที่ฝั่งไทย กระทรวงพาณิชย์มีกำหนดรายงานอัตราเงินเฟ้อทั่วไป (CPI) เดือนสิงหาคมในวันจันทร์ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 0.70% เนื่องจากราคาน้ำมันดิบลดลง 20% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

ในส่วนของเศรษฐกิจทั่วโลก ภาพสงครามการค้าที่รุนแรงจะถูกสะท้อนผ่านดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิตของจีน (Caixin Mfg. PMI) โดยดัชนีประจำเดือนสิงหาคม มีกำหนดรายงานในวันจันทร์ คาดว่าจะปรับตัวลดลงสู่ 49.8 จุด ซึ่งถือว่าเข้าสู่ช่วงถดถอยแล้ว

ต่างจากดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิต (ISM Mfg. PMI) และภาคการบริการในสหรัฐ (ISM Services PMI) ที่จะรายงานในวันอังคารและวันพฤหัสนี้ ที่คาดว่าจะทรงตัวได้ที่ระดับ 51.5 จุด และ 53.8 จุด ชี้ว่าผู้ประกอบการณ์สหรัฐไม่ได้ถูกภาษีการค้ากดดันหนักเหมือนฝั่งจีน


ประเด็นสำคัญของสัปดาห์นี้ในวันศุกร์ โดยจะมีการรายงานตัวเลขตลาดแรงงานสหรัฐ ที่คาดว่า ยอดการจ้างงานนอกภาคเกษตรกรรม (Non-fam Payrolls) จะเพิ่มขึ้นหนึ่งแสนตำแหน่ง ค่าจ้างเฉลี่ยรายสัปดาห์จะเพิ่มขึ้น 0.3% จากเดือนก่อน และอัตราว่างงานมีแนวโน้มทรงตัวที่ระดับ 3.7% ถือว่าเศรษฐกิจสหรัฐยังคงมีพื้นฐานการขยายตัวที่แข็งแกร่ง