ก.ล.ต.ลงดาบอดีตกรรมการผู้จัดการ “บลจ.โซลาริส” ฐานทุจริตขายตั๋วบี/อี

ก.ล.ต. กล่าวโทษอดีตกรรมการผู้จัดการและประธานกรรมการในคณะกรรมการลงทุนของกองทุน (IC) บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนโซลาริส จำกัด (ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็น บลจ.อินโนเทค จำกัด) รายนายสุพรรณ เศษธะพานิช ต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) กรณีกระทำผิดหน้าที่โดยทุจริตและแสวงหาประโยชน์จากการอนุมัติให้กองทุนรวมของ บลจ.โซลาริส จำกัด ลงทุนในตั๋วสัญญาใช้เงิน (B/E) โดยตนเองหรือบุคคลอื่นได้รับประโยชน์

สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากกรณีที่ ก.ล.ต. กล่าวโทษอดีตกรรมการและผู้บริหารของ บริษัท เค.ซี. พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) (KC) และพวก กรณีร่วมกันทุจริตจากการให้ KC ออกตั๋ว B/E ขายกองทุนรวมของ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) โซลาริส จำกัด และยักยอกเงินจากขายตั๋วดังกล่าวไปเป็นจำนวน 430 ล้านบาท และในที่สุดตั๋ว B/E ของ KC ผิดนัดชำระหนี้จำนวน 350 ล้านบาท (ข่าว ก.ล.ต. ฉบับที่ 2/2561 ลงวันศุกร์ที่ 5 มกราคม 2561)

ก.ล.ต. ตรวจสอบเพิ่มเติมพบว่า การลงทุนในตั๋ว B/E ดังกล่าวอนุมัติโดยคณะกรรมการ IC ของ บลจ.โซลาริส จำกัด ซึ่งมีนายสุพรรณเป็นประธาน และมีพยานหลักฐานเชื่อว่า นายสุพรรณได้รับประโยชน์เกี่ยวเนื่องจากการขายตั๋ว B/E ดังกล่าว ซึ่งเข้าข่ายเป็นการกระทำผิดหน้าที่โดยทุจริตและแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบด้วยกฎหมายเพื่อตนเองหรือผู้อื่นอันเป็นการเสียหายต่อ บลจ.โซลาริส จำกัด ทำให้ผู้ลงทุนขาดความเชื่อมั่นต่อการลงทุนในตลาดทุน และเข้าข่ายเป็นความผิดตามมาตรา 281/2 วรรคสอง และมาตรา 311 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์ฯ ก.ล.ต. จึงกล่าวโทษนายสุพรรณต่อ DSI เพื่อพิจารณาดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

การกล่าวโทษมีผลให้ผู้ถูกกล่าวโทษเข้าข่ายมีลักษณะขาดความน่าไว้วางใจในการเป็นกรรมการและผู้บริหารของบริษัทที่ออกหลักทรัพย์และบริษัทจดทะเบียนตามประกาศ ก.ล.ต. จึงไม่สามารถเป็นกรรมการและผู้บริหารของบริษัทดังกล่าว รวมทั้งบุคลากรในธุรกิจตลาดทุน ตลอดระยะเวลาที่ถูกกล่าวโทษดำเนินคดี

นอกจากนี้ ก.ล.ต. ยังได้ตรวจสอบคณะกรรมการ IC ของ บลจ.โซลาริส จำกัด ที่อนุมัติให้กองทุนรวมลงทุนในตราสารหนี้ที่ไม่มีการจัดอันดับความน่าเชื่อถือ และพบข้อบกพร่องในการพิจารณาข้อมูลหรือปัจจัยสำคัญของผู้ออกตราสารที่กระทบต่อความสามารถในการชำระคืนเงินต้นและดอกเบี้ย  ซึ่งเข้าข่ายเป็นการกระทำผิดกฎหมาย โดยคณะกรรมการเปรียบเทียบได้มีคำสั่งเปรียบเทียบปรับบริษัทไปแล้ว* และเป็นผลให้คณะกรรมการ IC เข้าข่ายมีลักษณะต้องห้ามเป็นบุคลากรในธุรกิจตลาดทุน** ก.ล.ต. จึงสั่งพักการปฏิบัติหน้าที่เป็นบุคลากรในธุรกิจตลาดทุนของนายสุพรรณ กรรมการผู้จัดการและประธาน IC เป็นเวลา 3 ปี 6 เดือน และนางสาววราภรณ์ สุพฤกษาสกุล นายอิศรา เรืองสุขอุดม นายศุภณัจ เจนพินิจ และนางสาวจุฑามาศ พุทธมี กรรมการ IC รายละ 1 ปี 3 เดือน นอกจากนี้ นายสุพรรณยังมีความผิดตามมาตรา 283 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์ฯ ซึ่ง ก.ล.ต. มีหนังสือแจ้งให้นายสุพรรณเข้ารับการเปรียบเทียบความผิด แต่นายสุพรรณไม่ยินยอม ก.ล.ต. จึงได้กล่าวโทษนายสุพรรณไปพร้อมกันแล้ว

อนึ่ง การกล่าวโทษของ ก.ล.ต. เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของกระบวนการบังคับใช้กฎหมายทางอาญาเท่านั้นภายใต้กระบวนการนี้ การพิจารณาวินิจฉัยว่าบุคคลใดเป็นผู้กระทำผิดกฎหมายเป็นขั้นตอนในอำนาจการสอบสวนของกรมสอบสวนคดีพิเศษ การสั่งฟ้องคดีของพนักงานอัยการ ตลอดจนดุลพินิจของศาลยุติธรรม ตามลำดับ

 

* คณะกรรมการเปรียบเทียบมีคำสั่งเปรียบเทียบปรับบริษัทเป็นเงิน 1.93 ล้านบาท เมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2561

 


** มีผลตั้งแต่วันที่ 13 เมษายน 2562 ยกเว้นกรณีนายอิศรา มีผลตั้งแต่วันที่ 22 เมษายน 2562 ทั้งนี้ ในช่วงเวลาดังกล่าวบุคคลข้างต้นจะไม่สามารถปฏิบัติงานเกี่ยวกับการบริหารงานหรือการเป็นที่ปรึกษาของบริษัทหลักทรัพย์ งานเกี่ยวกับการจัดการลงทุน และการปฏิบัติงานอื่นที่อยู่ในขอบเขตการปฏิบัติหน้าที่ของบุคลากรในธุรกิจตลาดทุน