ตลาดหุ้นไทยเดือน พ.ย.ลดน้อยสุดในอาเซียน รับการปรับน้ำหนัก MSCI

นายศรพล ตุลยะเสถียร รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานวางแผนกลยุทธ์องค์กร ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.) เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดหุ้นไทยสิ้นเดือน พ.ย.62 ดัชนีทรงตัวปิดที่ 1,590.59 จุด ลดลง 0.7% จากสิ้นเดือนก่อน แต่เพิ่มขึ้น 1.7% จากสิ้นปี 2561 มูลค่าซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 52,799 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 27% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน โดยกลุ่มเทคโนโลยี กลุ่มเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร กลุ่มทรัพยากร กลุ่มบริการ และกลุ่มเทคโนโลยีให้ผลตอบแทนมากกว่า SET Index อย่างไรก็ดีถือเป็นจุดแข็งของตลาดหุ้นไทยแม้ว่านักลงทุนต่างชาติขายสุทธิไป 7,721 ล้านบาท แต่เป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาดส่วนใหญ่ในเอเชีย แต่ดัชนีก็ปรับตัวลดลงน้อยที่สุดในอาเซียนซึ่งเป็นผลจากการปรับน้ำหนักหุ้นใน MSCI Global Standard Index เมื่อเดือน พ.ย. โดยจำนวนหลักทรัพย์ไทยเพิ่มขึ้น 3 หลักทรัพย์ ซึ่งเพิ่มขึ้นมากกว่าตลาดอาเซียนอื่นส่งผลให้ไทยมีจำนวนหลักทรัพย์ใน MSCI สูงที่สุดในอาเซียนอยู่ที่ 41 บริษัท

โดยตั้งแต่เดือน ก.ย.ขายสุทธิ 381 ล้านเหรียญสหรัฐ ต่อมาในเดือน ต.ค.ขายสุทธิ 258 ล้านเหรียญสหรัฐ และเดือน พ.ย.ขายสุทธิ 254 ล้านเหรียญสหรัฐ ทั้งนี้ตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบัน (YTD) นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิไปทั้งหมด 684 ล้านเหรียญสหรัฐ

“ข่าวที่กระทบตลาดหุ้นไทยช่วงเดือน พ.ย. หลักๆ ช่วงต้นเดือนจะเป็นการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐกับจีนที่ดูเหมือนจะตกลงกันได้ จนกระทั่งปลายเดือน “ทรัมป์” ลงนามสนับสนุนฮ่องกง ฉะนั้นกำหนดการที่ต้องติดตามคือวันที่ 15 ธ.ค.ว่าจะมีแผนของทีมสหรัฐและจีนจะเก็บภาษีกันหรือไม่ และเก็บในสัดส่วนเท่าไร”

ทั้งนี้หากพิจารณาการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติในตลาดหุ้นและตราสารหนี้ในเดือน พ.ย.จะเห็นได้ว่าต่างชาติขายสุทธิในตลาดหุ้นเพียง 2 หมื่นล้านบาท แต่ขายสุทธิพันธบัตรรัฐบาลกว่า 3.8 หมื่นล้านบาท และขายสุทธิพันธบัตร ธปท.กว่า 4 หมื่นล้านบาท ซึ่งพอร์ตของหุ้นไม่ใช่สตอรี่หลัก ส่วนดุลบัญชีทุนในส่วนของบัญชีทุน (Capital Account) ของหุ้นกับบอนด์ไม่ได้เป็นปัจจัยกดดันให้ค่าเงินบาทแข็งค่า

นายศรพลกล่าวว่า Forward และ Historical P/E ของตลาดหลักทรัพย์ไทย ณ สิ้นเดือนพฤศจิกายน 2562 อยู่ที่ระดับ 17.1 เท่า และ 19.5 เท่าตามลำดับ สูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์ในเอเชียซึ่งอยู่ที่ระดับ 14.7 เท่า และ 15.7 เท่าตามลำดับ อัตราเงินปันผลตอบแทน ณ สิ้นเดือนพฤศจิกายน 2562 อยู่ที่ระดับ 3.16% สูงกว่าค่าเฉลี่ยของ ตลาดหลักทรัพย์ในเอเชียซึ่งอยู่ที่ 2.92% มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดรวมของ SET และ mai ณ สิ้นเดือนพฤศจิกายน 2562 อยู่ที่ 17 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.1% จากสิ้นปี 2561 ซึ่งสอดคล้องกับทิศทางของดัชนี โดยในช่วง 11 เดือนแรกของปี 2562 มูลค่าการระดมทุนในตลาดแรก (IPO) ของไทยอยู่ที่ระดับ 80,370 ล้านบาท เป็นแชมป์ IPO ในอาเซียน สูงกว่าอันดับ 2 อย่างสิงคโปร์ถึง 2 เท่า ขณะที่ภาวะตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้าในเดือนพฤศจิกายน 2562 ตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้ามีปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยต่อวัน 438,228 สัญญา ซึ่งเพิ่มขึ้น 57% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน