SCB เปิด “ยืนยันตัวตน” ผ่านเซเว่นฯ ดันสินเชื่อออนไลน์แตะ 8 หมื่นล้านบาท

แบงก์ไทยพาณิชย์ ตั้งเป้าปล่อยกู้ออนไลน์ 8 หมื่นล้านบาท ล่าสุด จับมือเคาน์เตอร์เซอร์วิส เปิดบริการ “ยืนยันตัวตน” ตั้งเป้าบัญชีเงินฝากออนไลน์ 1 ล้านบัญชี ชี้ ช่วยลดต้นทุนกว่า 50%

นางอภิพันธ์ เจริญอนุสรณ์ ผู้จัดการใหญ่ ธนาคารไทยพาณิชย์ กล่าวว่า ธนาคารตั้งเป้าสินเชื่อผ่านออนไลน์ปี 2563 ทั้งในส่วนสินเชื่อบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคลอยู่ที่ 8 หมื่นล้านบาท จากปีก่อนอยู่ที่ 6.5 หมื่นล้านบาท คาดว่านอดสินเชื่อคงค้างภายในสิ้นปี 2563 จะอยู่ที่ 5,000 ล้านบาท จากปี 2562 อยู่ที่ 3,000 ล้านบาท ขณะที่ฐานลูกค้า SCB Easy มีอยู่ 11 ล้านราย จากฐานลูกค้ารวมทั้งธนาคารอยู่ที่ 16 ล้านราย

ล่าสุด ธนาคารร่วมมือเคาน์เตอร์เซอร์วิส เปิดบริการ “ยืนยันตัวตนผ่านเคาน์เตอร์เซอร์วิส” ให้บริการได้จริงเป็นรายแรก ภายใต้แนวคิด “ฉันเองคนนี้ที่เซเว่นฯ” ที่นำเอาเทคโนโลยีสแกนใบหน้า (Facial Recognition) มาใช้ สำหรับลูกค้าใหม่ที่ไม่เคยใช้บริการของไทยพาณิชย์มาก่อน (New to bank) เพื่อเปิดบัญชีเงินฝากออมทรัพย์แบบไม่มีสมุด (ออนไลน์) ของธนาคารด้วยตนเอง โดยไม่จำเป็นต้องไปยืนยันตัวตนที่สาขาอีกต่อไป โดยตั้งเป้าภายใน 1 ปี จะมีคนใช้บริการจำนวน 1 ล้านราย

ทั้งนี้ ธนาคารคาดว่าบริการยืนยันตัวตนผ่านเคาน์เตอร์เซอร์วิส จะช่วยลดต้นทุนจากการให้บริการเปิดบัญชีธนาคารในรูปแบบเดิมถึง 50% เนื่องจากลูกค้าไม่ต้องเดินไปสาขา และยังสามารถขยายฐานลูกค้ารายใหม่ได้เพิ่มขึ้น ผ่านการต่อยอดผลิตภัณฑ์ต่างๆ และให้บริการลูกค้าที่เข้าไม่ถึงสาขาธนาคาร

ทั้งนี้ ลูกค้าที่เปิดบัญชีออนไลน์จะได้รับอัตราดอกเบี้ยสูงกว่าออมทรัพย์ทั่วไป 1% จากปัจจุบันธนาคารมีฐานเปิดบัญชีเงินฝากออนไลน์อยู่ที่ 1 แสนบัญชี คาดว่าสิ้นปีบัญชีเงินฝากออนไลน์เพิ่มขึ้นเป็น 1.1 ล้านบัญชี ขณะที่ ตั้งเป้าเงินฝากรวมอยู่ที่ 2 ล้านบัญชี

“บริการนี้ได้ผ่านการทดสอบแซนด์บ็อกซ์ของธนาคารไทยพาณิชย์ (Own sandbox) เป็นที่เรียบร้อย ซึ่งตอนนี้ลูกค้าสามารถยืนยันตัวตนผ่านเคาน์เตอร์เซอร์วิสกว่า 1.2 หมื่นจุด และผ่านเครื่องอีดีซีและเอทีเอ็มได้ด้วย ซึ่งการยืนยันตัวตนยังสามารถต่อยอดไปยังโปรดักต์อื่นได้ด้วย”

อย่างไรก็ดี ความร่วมมือกับ บริษัท เคาน์เตอร์เซอร์วิสในครั้งนี้ เป็นการต่อยอดความสำเร็จของบริการแบงก์กิ้งเอเย่นต์ที่ได้เปิดตัวไปเมื่อปีที่ผ่านมา ในการเป็น Digital Financial Partnership ที่จะมาร่วมกันสร้างและพัฒนาขีดความสามารถเพื่อนำเสนอบริการทางการเงินรูปแบบใหม่ให้กับลูกค้า รวมถึงธนาคารยังคงเดินหาขยายพันธมิตรอย่างต่อเนื่อง เพื่อจะนำไปสู่การเป็นธนาคารดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบในอนาคต