ไฟเขียวเอสเอ็มอี-สตาร์ตอัพระดมทุนจากทรัพย์สินทางปัญญา

ก.ล.ต.เผยที่ประชุมคณะกรรมการกำกับตลาดทุน (ก.ต.ท.) มีมติสนับสนุนให้เอสเอ็มอีและสตาร์ตอัพระดมทุนจากทรัพย์สินทางปัญญาผ่านการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ หวังเพิ่มช่องทางเข้าถึงแหล่งเงินทุนให้กับธุรกิจ เล็งหารือกรมทรัพย์สินทางปัญญาเพื่อเฮียริ่งรายละเอียดหลักเกณฑ์ต่อไป

สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการกำกับตลาดทุน (ก.ต.ท.) ครั้งที่ 2/2563 วันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2563 มีมติเห็นชอบแนวทางการส่งเสริมให้บริษัทผู้เป็นเจ้าของทรัพย์สินทางปัญญา รวมถึงธุรกิจเอสเอ็มอีและสตาร์ตอัพสามารถระดมทุนผ่านการออก “หุ้นกู้เพื่อการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์” (Securitized Bond) โดยนำทรัพย์สินทางปัญญา ได้แก่ สิทธิบัตร ลิขสิทธิ์ และเครื่องหมายทางการค้า มาเป็นหลักทรัพย์ (IP Securitization) เพื่อเพิ่มทางเลือกในการเข้าถึงแหล่งทุนสร้างการเติบโตให้ธุรกิจ

โดย ก.ล.ต.อยู่ระหว่างเตรียมความพร้อมในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็นเพื่อรองรับการระดมทุนผ่านทรัพย์สินทางปัญญา รวมทั้งสร้างระบบนิเวศตลาดทุนที่เหมาะสมและเอื้อต่อการเติบโตของเศรษฐกิจ โดยประสานความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และในเร็วๆ นี้จะหารือกับกรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์ ซึ่ง ก.ล.ต.มองว่าในยุคที่มีการเปลี่ยนโฉมทางเทคโนโลยี (Technology Disruption) ฟินเทคและสตาร์ตอัพ ซึ่งนำเทคโนโลยีมาพัฒนาการผลิตและบริการเพื่อช่วยแก้ไขปัญหาและเพิ่มประสิทธิภาพในการประกอบธุรกิจให้กับลูกค้าสามารถนำนวัตกรรม ซึ่งเป็นทรัพย์สินทางปัญญามาแปลงเป็นหลักทรัพย์ได้

ทั้งนี้ ทรัพย์สินทางปัญญาที่สามารถนำมาแปลงเป็นหลักทรัพย์ได้ต้องมีคุณสมบัติ ดังนี้ (1) มีสิทธิเรียกร้องที่ก่อให้เกิดกระแสรายรับในอนาคตอย่างชัดเจนและพิสูจน์ได้ เช่น สิทธิและค่าเช่าสิทธิที่มีอายุสัญญาชัดเจน และ (2) จดทะเบียนหรือขึ้นทะเบียนกับกรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์ ซึ่ง ก.ล.ต.จะเปิดรับฟังความคิดเห็นเกี่ยวกับหลักเกณฑ์ดังกล่าวต่อไป


สำหรับเกณฑ์การออกและเสนอขายหุ้นกู้เพื่อการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ในปัจจุบัน ก.ล.ต.ยังคงให้ความสำคัญกับการดูแลให้ผู้ลงทุนได้รับความคุ้มครองอย่างเหมาะสม และมีข้อมูลประกอบการตัดสินใจลงทุนอย่างครบถ้วนเพียงพอ อาทิ การเปิดเผยข้อมูลความเสี่ยง การจัดอันดับความน่าเชื่อถือ (Credit Rating) การจัดให้มีผู้ให้บริการเรียกเก็บหนี้ (Servicer) และตัวกลางที่ทำหน้าที่คัดเลือก วิเคราะห์ข้อมูล และเปิดเผยข้อมูลของผู้ออกตราสารหนี้ (Product screening) เป็นต้น