“ทีคิวเอ็ม” กางแผน 5 ปี เบี้ย 5 หมื่นล้าน บุก M&A-ลุยต่างประเทศ

นางนภัสนันท์ พรรณนิภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ทีคิวเอ็มคอร์ปอเชั่น (TQM) เปิดเผยว่า ปีนี้บริษัทตั้งเป้าเบี้ยประกันภัยอยู่ที่ 1.5 หมื่นล้านบาท เติบโต 17.2% จากปีก่อนโดยแผนของบริษัทมีความมุ่งมั่นที่จะขึ้นป็นผู้นำดิจิทัลอินชัวรันซ์โบรกเกอร์และต้องการเป็นที่หนึ่งในระดับภูมิภาค โดยกลยุทธ์จะเพิ่มยอดขายด้วยการ cross-selling ขณะเดียวกันเดินหน้าขยายธุรกิจในตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะกลุ่มประเทศเพื่อนบ้าน CLMV เน้นรูปแบบร่วมทุน (JV) กับพันธมิตรซึ่งจะเกิดขึ้นในเร็วๆ นี้

ขณะเดียวกันจะดำเนินนโยบาย M&A เพื่อขยายการเติบโตอีกทาง ซึ่งตอนนี้อยู่ระหว่างเจรจาซื้อธุรกิจโบรกกอร์ประกันภัย เน้นเลือกการขยายงานที่แตกต่างจากบริษัท และคาดว่าปีนี้จะได้ข้อสรุป 1 ดีล โดยงินลงทุนจะใช้จากกระแสงินสดที่มีอยู่ประมาณ 2 พันล้านบาท

ทั้งนี้ตั้งเป้าภายใน 5 ปีข้างหน้า (2564-2568) บริษัทจะมีเบี้ยประกันภัยอยู่ที่ 5 หมื่นล้านบาทหรือมีอัตราการเติบโตเฉลี่ย 30% ต่อปี โดยพอร์ตประกันรถยนต์ที่ปัจจุบันมีอยู่เกือบ 70% และอีก 30% จะเป็นประกันที่ไม่ใช่รถ (น็อนมอเตอร์) คาดว่าในระยะยาวจะกลับข้างกัน

“ย้อนหลังไป 10 ปียอดขายของเราโตจากภายใน (Organic) เฉลี่ยปีละ 10% อยู่แล้วฉะนั้นการเติบโตจากกลยุทธ์ M&A และการขยายงานต่างประเทศ คงจะทำให้เป้าหมายในระยะยาวมีโอกาสเป็นไปได้” นางนภัสนันท์กล่าว

ส่วนประด็นที่บริษัทประกันพยายามลดต้นทุนโดยยกเว้นค่าคอมมิชชั่นให้กับตัวแทนนายหน้าด้วยเหตุที่ถูกปรับเพิ่มความคุ้มครองประกันรถภาคบังคับ (พ.ร.บ.) และภาคสมัครใจเพิ่มขึ้น ขอชี้แจงว่างานประกัน พ.ร.บ.ของบริษัทไม่ใช่พอร์ตใหญ่และบริษัทไม่มีนโยบายขายเดี่ยวแต่จะขายควบกับประกันรถภาคสมัครใจ ดังนั้นคงกระทบไม่มาก ปัจจุบันรายได้จากการบริการมาจากค่าคอมมิชชั่นประมาณ 60% ซึ่งปีที่แล้วเข้ามาประมาณ 1,626.9 ล้านบาท จากรายได้บริการทั้งหมด 2,711.5 ล้านบาท และที่เหลือเป็นรายได้จากดอกเบี้ยและผลตอบแทนจากเงินลงทุน 72.3 ล้านบาท

ภาพรวมผลการดำเนินของบริษัทปี 2562 มีรายได้รวม 2,783.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.2% โดยเป็นรายได้จากการให้บริการเป็นจำนวน 2,711.5 ล้านบาท และรายได้จากดอกเบี้ยและผลตอบแทนจากเงินลงทุน 72.3 ล้านบาท ภายใต้การบริหารจัดการการทำงานและควบคุมค่าใช้จ่ายที่มีประสิทธิภาพ ส่งผลให้บริษัทมีกำไรเพิ่มขึ้น โดยกำไรขั้นต้นอยู่ที่ 1,297.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.9% ขณะที่กำไรสุทธิอยู่ที่ 507.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 25.5%