AIA Group โชว์กำไรปี’62 โตแค่ 9% จากเหตุประท้วงฮ่องกง หวั่นไวรัสระบาดกดดันยอดขายไตรมาสแรกปีนี้หนัก

“กลุ่มเอไอเอ” ประกาศผลงานปี’62 โชว์ธุรกิจใหม่เติบโตแค่ 6% หรือ 4,154 ล้านเหรียญสหรัฐ หลังธุรกิจในฮ่องกงช่วงครึ่งปีหลังได้รับผลกระทบจากเหตุประท้วง กดดันกำไรโต 9% คิดเป็น 5,741 ล้านเหรียญสหรัฐ ปลื้มกำไรในประเทศจีนมีมูลค่ามากกว่า 1 พันล้านเหรียญสหรัฐเป็นครั้งแรก ชี้ 2 เดือนที่ผ่านมาการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ค่อนข้างกดดันยอดขายของธุรกิจในไตรมาสแรก

นายอึง เค็ง ฮุย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มบริษัทเอไอเอ สำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในฮ่องกง กล่าวว่า ตลาดของเราบางส่วนกำลังเผชิญหน้ากับแรงต้านจากสภาวะอัตราดอกเบี้ยต่ำ และในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมาการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 ซึ่งเป็นความเสี่ยงใหม่ระดับโลก ซึ่งทำให้เราเห็นถึงการเกิดขึ้นที่สำคัญของยอดขายของธุรกิจใหม่ภายในกลุ่มบริษัทเอไอเอในไตรมาสแรก จากการติดต่อสื่อสารแบบตัวต่อตัวที่ลดลง และเพิ่มการดำเนินมาตรการเชิงรุก ซึ่งรวมถึงการเติบโตอย่างรวดเร็วของแพลตฟอร์มดิจิทัล ในการสนับสนุนการสรรหาตัวแทน การอบรม และกิจกรรมการขาย การสรรหาตัวแทนของเอไอเอ ในประเทศจีนยังคงแข็งแกร่ง สำหรับพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ เอไอเอในแต่ละประเทศได้ทำการช่วยเหลือชุมชน ด้วยผลประโยชน์เพิ่มเติมและขั้นตอนการเรียกร้องสินไหมที่รวดเร็วขึ้น และขอแสดงความห่วงใยแก่ครอบครัวและชุมชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โรคระบาดในครั้งนี้

“จากความต้องการภายในประเทศจำนวนมากและเทรนด์สถิติประชากรในภูมิภาคเอเชียส่งผลให้ธุรกิจเอไอเอมีโครงสร้างที่แข็งแกร่งสำหรับการเติบโตในระยะยาว เรามีศักยภาพในการเติบโตในแต่ละช่องทางการขาย รวมทั้งเราดำเนินธุรกิจที่หลากหลายและมีคุณภาพในตลาด 18 แห่ง รวมถึงตลาดใหม่ล่าสุด ที่เราได้เปิดดำเนินการในประเทศเมียนมา และเรายังคงเตรียมพร้อมสำหรับการขยายทางภูมิศาสตร์ในประเทศจีน ความต้องการในผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตของเอไอเอจะยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากรายได้ที่เพิ่มขึ้น อัตราการทำประกันชีวิตที่ยังต่ำ และความคุ้มครองที่จำกัดของสวัสดิการจากภาครัฐ มีความเชื่อมั่นอย่างยิ่งถึงการเติบโตในระยะยาวอย่างยั่งยืนของกลุ่มบริษัทเอไอเอ

โดยมูลค่าธุรกิจใหม่ของเอไอเอปีที่แล้วเติบโต 6% หรือเพิ่มขึ้น 16% เมื่อไม่รวมฮ่องกง ซึ่งเป็นผลมาจากการเติบโตอย่างแข็งแกร่งในช่วงครึ่งปีแรก หลังในครึ่งปีหลังได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความไม่สงบที่เกิดขึ้นในฮ่องกง นอกจากนี้กำไรจากการดำเนินงานหลังหักภาษี (OPAT) เพิ่มขึ้น 9% เงินกองทุนส่วนเกิน (Underlying free surplus) เพิ่มขึ้น 13% และมูลค่าหุ้นตามมูลค่าธุรกิจ (EV Equity) ขยายตัว 12%
“ประเทศจีนยังคงมีผลการดำเนินงานที่ยอดเยี่ยมมาก โดยมีมูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB) เติบโต 27% และมีความยินดีเป็นอย่างมากที่กำไรจากการดำเนินงานหลังหักภาษี (OPAT) จากประเทศจีน มีมูลค่ามากกว่า 1 พันล้านเหรียญสหรัฐเป็นครั้งแรก ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการเติบโตทางด้านการเงินของธุรกิจของเราที่น่าสนใจ

จากการประกาศ เรื่องการเปิดตลาดประกันชีวิตแก่ชาวต่างชาติในประเทศจีนเมื่อปลายปีที่แล้ว เราได้ส่งใบสมัครเพื่อขออนุมัติการเปลี่ยนสำนักงานสาขาเซี่ยงไฮ้เป็นบริษัทสาขา ซึ่งจะทำให้เราสามารถสร้างรากฐานใหม่ที่แข็งแกร่งขึ้นในการขยายธุรกิจของเราในประเทศจีน โดยเราได้เริ่มด้วยการเปิดศูนย์ให้บริการการขายในเมืองเทียนจิน และเมืองฉือเจียจวง ในมณฑลเหอเป่ย ในช่วงปี 2562 ที่ผ่านมา

“การลดลง 5% ของมูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB) ในฮ่องกง สะท้อนถึงการลดลงของยอดขายจากการลดลงของนักท่องเที่ยวจากประเทศจีน ในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2562 เมื่อเทียบกับช่วงก่อนหน้านั้น กลุ่มลูกค้าภายในฮ่องกงของเรา ยังคงทำให้เรามีผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่ง ด้วยการเติบโตของมูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB) ที่เพิ่มขึ้นเป็น 2 หลักสำหรับทั้งปี

“การเติบโตของมูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB) ในประเทศไทย และมาเลเซีย เป็นผลมาจากกลยุทธ์พรีเมียร์ เอเจนซี (Premier Agency) และกลยุทธ์ด้านพันธมิตรแบงก์แอสชัวรันส์ ในขณะที่ตลาดอื่นๆ มีการเติบโตของมูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB) 27% จากการดำเนินงานที่แข็งแกร่งของประเทศออสเตรเลีย ฟิลิปปินส์ และเวียดนาม

​“ช่องทางการขายผ่านตัวแทนของเอไอเอมีการเติบโตของมูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB) 11% เนื่องจากเราให้ความสำคัญกับการสรรหาตัวแทนที่มีคุณภาพ เพื่อเพิ่มจำนวนตัวแทนที่มีผลงาน ในขณะที่มูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB) ในช่องทางการขายผ่านพันธมิตรธุรกิจลดลงเล็กน้อย ซึ่งเป็นผลมาจากการเติบโตที่แข็งแกร่งของมูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB) ในช่องทางการขายผ่านแบงก์แอสชัวรันส์ ถูกผลกระทบจากการเติบโตลดลงของช่องทางที่ปรึกษาทางการเงินอิสระในฮ่องกงในช่วงครึ่งปีหลัง ทั้งนี้ หากไม่รวมฮ่องกง ช่องทางการขายผ่านตัวแทนมีมูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB) เติบโต 16% และช่องทางการขายผ่านพันธมิตรธุรกิจเติบโต 19% สำหรับทั้งปี

“นอกจากนี้ คณะกรรมการบริหารยังได้เห็นชอบในการเพิ่มเงินปันผลประจำปีที่ร้อยละ 10 ในปี 2562 เป็น 93.30 เซนต์ฮ่องกงต่อหุ้น ซึ่งเป็นผลจากนโยบายเงินปันผลที่รอบคอบ ยั่งยืน และก้าวหน้าของเอไอเอ ซึ่งทำให้มีโอกาสเติบโตในอนาคต และเกิดความยืดหยุ่นทางการเงินของกลุ่มบริษัทเอไอเอ ภายใต้เศรษฐศาสตร์มหภาค และสภาวะตลาดทุนในปัจจุบัน

“ในขณะที่ผลประโยชน์จากประกันชีวิตของเราได้ช่วยเหลือทางด้านการเงินแก่ลูกค้าของเรากว่าล้านรายในยามที่พวกเขาต้องการ เรายังคงมุ่งมั่นในการเปลี่ยนจากการเป็นบริษัทประกันชีวิตแบบดั้งเดิม เป็นพันธมิตรที่คอยช่วยเหลือลูกค้าของเรา ซึ่งการเติบโตของจำนวนสมาชิกของโปรแกรมสุขภาพของเราเพิ่มไปถึง 1.7 ล้านราย สะท้อนคำมั่นสัญญาของเราที่จะช่วยสนับสนุนให้ผู้คนมีสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้น (Healthier, Longer, Better Lives)

สรุปสาระสำคัญทางการเงิน

กลุ่มบริษัทเอไอเอสำนักงานใหญ่ในฮ่องกงรายงานผลการดำเนินงานประจำปี 2562 สิ้นสุด ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2562 อัตราการเติบโตที่รายงานคิดจากอัตราแลกเปลี่ยนคงที่ ตามรายละเอียดด้านล่าง

การเติบโตที่แข็งแกร่งของมูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB)
-มูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB) เติบโตร้อยละ 6 เป็น 4,154 ล้านเหรียญสหรัฐ
-มูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB) เพิ่มขึ้นร้อยละ 16 เมื่อไม่รวมฮ่องกง
-เบี้ยประกันภัยรับปีแรก (ANP) เพิ่มขึ้นร้อยละ 2 เป็น 6,585 ล้านเหรียญสหรัฐ
-อัตรากำไรของมูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB margin) เพิ่มขึ้น 3.0 จุด คิดเป็นร้อยละ 62.9

ผลกำไรจากการดำเนินงานที่เพิ่มขึ้นและผลตอบแทนที่ดี
-กำไรจากการดำเนินงานหลังหักภาษี (OPAT) เพิ่มขึ้นร้อยละ 9 คิดเป็นมูลค่า 5,741 ล้านเหรียญสหรัฐ
-มูลค่าธุรกิจในส่วนกำไรจากการดำเนินงาน (EV operating profit) เพิ่มขึ้นร้อยละ 6 คิดเป็นมูลค่า 8,685 ล้านเหรียญสหรัฐ
-ผลตอบแทนจากการดำเนินงานที่เกี่ยวกับมูลค่าธุรกิจในส่วนกำไรจากการดำเนินงาน (ROEV) คิดเป็นร้อยละ 15.9

มีสถานะเงินสดหมุนเวียนที่แข็งแกร่งและมีเงินทุนที่มั่นคง
-มูลค่าหุ้นตามมูลค่าธุรกิจ (EV Equity) เท่ากับ 63.9 พันล้านเหรียญสหรัฐ โดยมีมูลค่าธุรกิจเท่ากับ 62.0 พันล้านเหรียญสหรัฐ หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 12.0
-เงินกองทุนส่วนเกิน (Underlying free surplus) คิดเป็นเป็นมูลค่า 5,501 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 13
-มีเงินสดหมุนเวียนส่วนเกิน (Free surplus) เพิ่มขึ้นเป็น 14.9 พันล้านเหรียญสหรัฐ
-มีเงินโอนจากต่างประเทศสุทธิ (Net remittances) 3.7 พันล้านเหรียญสหรัฐ
-อัตราส่วนของการดำรงเงินกองทุน (Solvency ratio) ตามพระราชบัญญัติบริษัทประกันชีวิตฮ่องกงของเอไอเอ

มีสัดส่วนที่แข็งแกร่งคิดเป็นร้อยละ 362 ซึ่งเป็นผลจากการเข้าซื้อกิจการบริษัท The Colonial Mutual Life Assurance Society Limited (CMLA) ในประเทศออสเตรเลีย

เงินปันผลรวมทั้งหมดเพิ่มขึ้นร้อยละ 11
-เงินปันผลประจำปีเพิ่มขึ้นร้อยละ 10 คิดเป็นมูลค่าเท่ากับ 93.30 เซนต์ฮ่องกงต่อหุ้น
-เงินปันผลรวมทั้งหมด มีมูลค่า 1.266 เหรียญฮ่องกงต่อหุ้น เพิ่มขึ้นร้อยละ 11 (ไม่รวมเงินปันผลพิเศษในปี 2561)