ส่องหุ้นเด่นรับเทรนด์ “เปิดเมือง” โบรกชู 4 กลุ่มน่าลงทุน/ลุ้น 1,300 จุด

เปิดโผหุ้นเด่นรับอานิสงส์รัฐเตรียม “เปิดเมือง” คลายล็อกดาวน์ “บล.กสิกรไทย” ชู 4 กลุ่มหุ้น “รถไฟฟ้า-ค้าปลีก-ห้างสรรพสินค้า-สนามบิน” ได้ประโยชน์ คาด SET index ระยะสั้นมีโอกาสปรับขึ้นยืนเหนือ 1,300 จุด ขณะที่ “บล.เอเซีย พลัส” ชี้โมเดิร์นเทรด “DOHOME-DCC” น่าสนใจ-มีปัจจัยบวกเฉพาะ ฟาก “บล.ทรีนีตี้” แนะเก็งกำไร “BTS-BEM”

นายสรพล วีระเมธีกุล ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย เปิดเผยว่า สัปดาห์ก่อน (13-17 เม.ย.63) ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับขึ้นอย่างมีนัย สะท้อนจากดัชนี MSCI global ที่ปรับขึ้นราว 25% ส่วนในประเทศ ดัชนีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET index) ปรับขึ้นประมาณ 30% โดยมีปัจจัยหนุนจากการบรรลุข้อตกลงในการประชุมกลุ่มโอเปก ธนาคารกลางต่าง ๆ ทั่วโลกใช้มาตรการอัดฉีดสภาพคล่องเข้าระบบ และแนวโน้มการประกาศเปิดเมืองหลังจากไวรัสโควิด-19 คลี่คลาย

“ระยะสั้น คาดว่าตลาดหุ้นทั่วโลก และ SET index จะปรับขึ้นตอบรับปัจจัยเชิงบวกที่แต่ละประเทศจะกลับมาเปิดเมือง ส่วนระยะกลางอาจมีความเสี่ยงจำนวนผู้ติดเชื้อกลับมาระบาดอีกครั้ง เนื่องจากประเทศสำคัญอย่างสหรัฐ ยังคงมีความเสี่ยงจากระยะเวลาการประกาศล็อกดาวน์ประเทศ 1 เดือน ถึง 1 เดือนครึ่ง (จากกรณีประเทศจีนอยู่ที่ 2 เดือนครึ่ง) รวมถึงอัตราผู้ติดเชื้อรายวันยังไม่ทรงตัว และอัตราการรักษาหายต่ำกว่า 15% ซึ่งจะนำไปสู่ความเสี่ยงที่ต้องปิดประเทศต่อไป” นายสรพลกล่าว

ทั้งนี้ SET index ยังมีความเสี่ยง แม้จำนวนผู้ติดเชื้อในประเทศจะเริ่มทรงตัว อย่างไรก็ตาม ยังไม่สามารถสรุปได้ว่า จำนวนผู้ติดเชื้อที่ทรงตัวมาจากยอดการตรวจที่ต่ำ หรือมาจากเคอร์ฟิวของรัฐที่มีประสิทธิภาพ โดยเบื้องต้น บล.กสิกรไทยประเมินผลกระทบทางเศรษฐกิจจากมาตรการปิดเมืองไว้ที่ 1.3 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็น 7% ต่อ GDP และคาดว่าการระบาดจะจบในเดือน มิ.ย. นี้

“ตลาดหุ้นได้สะท้อน (price in) ปัจจัยที่โควิด-19 น่าจะจบในเดือน มิ.ย.ไปแล้ว แต่หากรัฐเร่งเปิดเมือง แล้วหากโรคกลับมาระบาด จะส่งผลให้ประมาณการผลกระทบที่ประเมินไว้มี downside ทันที” นายสรพลกล่าว

สำหรับกลุ่มหุ้นที่คาดว่าจะได้รับอานิสงส์การเปิดเมือง อันดับแรก ได้แก่ รถไฟฟ้า บมจ.บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (BTS) และ บมจ.ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ (BEM) ต่อมากลุ่มค้าปลีก ได้แก่ บมจ.ซีพี ออลล์ (CPALL) กลุ่มห้างสรรพสินค้า ได้แก่ บมจ.เซ็นทรัลพัฒนา (CPN) และ บมจ.เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น (CRC) รวมถึงกลุ่มสนามบินและโรงแรม เช่น บมจ.ท่าอากาศยานไทย (AOT)

ทั้งนี้ หุ้นเด่นที่ บล.กสิกรไทยแนะนำ ได้แก่ บมจ.ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (PTTEP) ที่ราคาเป้าหมาย 107.00 บาท, BEM ที่ 10.60 บาท และ CPN ที่ 61.00 บาท ซึ่งคำแนะนำใน PTTEP เนื่องจากเชื่อว่าการเปิดเมืองจะส่งผลให้ความต้องการใช้น้ำมันมากขึ้น อีกทั้ง PTTEP ยังมีปัจจัยเฉพาะ ได้แก่ ราคาน้ำมันดิบที่มีความเสี่ยงขาลง โดยแนะนำกลยุทธ์ย่อซื้อสะสม

“SET index ปรับขึ้นมาประมาณ 30% โดยขยับมาเคลื่อนไหวในกรอบ 1,260-1,300 จุด ตอบรับประเด็นการเปิดเมืองไปแล้ว แม้ว่าหุ้นจะลงไปเยอะ แต่สัญญาณการปรับลดกำไรบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ยังไม่จบ ดังนั้น แม้การเปิดเมืองจะเป็นปัจจัยบวกและมีโอกาสที่ SET จะปรับขึ้นได้ แต่น่าจะแตะ 1,300 จุดได้ในระยะสั้นเท่านั้น” นายสรพลกล่าว

นายชาญชัย พันทาธนากิจ ผู้จัดการฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่า จากกระแสรัฐเตรียมผ่อนเกณฑ์ล็อกดาวน์เพื่อเปิดเมือง จะส่งผลให้การดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจกลับมาดีขึ้น โดยกลุ่มหุ้นที่ได้รับอานิสงส์ คือ กลุ่มห้างสรรพสินค้า ได้แก่ CPN ราคา 66.00 บาท บมจ.สยามฟิวเจอร์ดีเวลอปเมนท์ (SF) 8.00 บาท และ CRC 37.00 บาท ถัดมากลุ่มร้านอาหาร แม้ยอดขายอาจยังไม่กลับเข้าสู่ภาวะปกติทันที แต่เชื่อว่าราคาหุ้นจะได้รับบรรยากาศเชิงบวก ได้แก่ บมจ.เอ็มเค เรสโตรองต์ กรุ๊ป (M) ที่ราคา 66.00 บาท ร้านโทรศัพท์มือถือ บมจ.คอมเซเว่น (COM7) 23.50 บาท

และกลุ่มโมเดิร์นเทรด ได้แก่ บมจ.ดูโฮม (DOHOME) 7.90 บาท และ บมจ.ไดนาสตี้เซรามิค (DCC) 2.28 บาท เนื่องจากมีปัจจัยบวกเฉพาะตัว ส่วนกลุ่มที่แนะนำข้างต้นแม้ว่าราคาหุ้นจะปรับขึ้นสะท้อนไปแล้วระดับหนึ่ง

นายณัฐชาต เมฆมาสิน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทรีนีตี้ กล่าวว่า ผู้ที่จะได้ประโยชน์เป็นลำดับแรก ๆ จากการเปิดเมือง คือ ผู้ให้บริการขนส่งสาธารณะต่าง ๆ ซึ่งไม่ว่าอย่างไรแล้วในช่วงเปิดเมืองช่วงแรก จะมีผู้คนออกมาสัญจรนอกบ้านเพิ่มขึ้น ซึ่งหากต้องการเก็งกำไร หุ้น BEM และ BTS มีความน่าสนใจมากที่สุด ทั้งนี้ ในเชิงพื้นฐาน ฝ่ายวิจัย บล.ทรีนีตี้ให้ราคาเป้าหมายที่ 10.00 บาท และ 12.00 บาท ตามลำดับ