“เอเซียพลัส” ปรับเป้าดัชนีหุ้นไทยปี’63 เหลือ 1,164 จุด กำไร 6.88 แสนล้าน ลดลง 26%

บริษัท หลักทรัพย์ (บล.) เอเซียพลัส จำกัด ประเมินกำไรสุทธิของบริษัทจดทะเบียน(บจ.) ในปี 2563 และปี 2564 ใหม่อยู่ที่ 6.88 แสนล้านบาท ลดลง 26.4% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันปีก่อน และอยู่ที่ 8.33 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 21% (ตามลำดับ) ขณะเดียวกันกำไรต่อหุ้น (EPS) ในปี 63 คาดว่าจะเหลือเพียง 64 บาท/หุ้น ลดลง 27.5% YoY และในปี 64 จะเหลือเพียง 77.4 บาท/หุ้น เพิ่มขึ้น 21.0% YoY

ด้านอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (P/E) ของตลาดที่เหมาะสม ได้เซนติเมนต์(Sentiment) จากการปรับลดออกเบี้ยลงอีก 0.25% ในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งจะช่วยให้ตลาดหุ้นไทยซื้อขายบน P/E ที่สูงขึ้น 0.79 เท่า ถือการเปิดอัพไซด์ (Upside) ของดัชนีตลาดหลักทรัพย์ (SET index) อยู่ราว 51 จุด ตามประมาณการ EPS ใหม่

หากประเมินเป้าหมายของดัชนี บนคาดการณ์ EPS ของตลาดปี 2563 ใหม่ที่ 64 บาท/หุ้น และให้ Market Earning Yield Gap ที่ 5% ระดับ Bond Yield 1 ปี เท่ากับดอกเบี้ยนโยบาย 0.5% จะให้ค่า PER เป้าหมายที่ 18.2 เท่า คิดเป็น SET Index เป้าหมายปี 2563 ที่ 1,164 จุด และเป้าหมายปี 2564 ที่ 1,407 จุด

“การลดดอกเบี้ยไม่สามารถชดเชยกำไรที่ลดลงได้ กดเป้าหมายดัชนีปีนี้ลดลง เพราะเป้าหมายที่เหมาะสมของดัชนีในปีนี้เหลือเพียง 1164 จุด เท่ากับว่าที่ระดับ SET Index ปัจจุบันไม่เหลือ Upside ทางพื้นฐานแล้ว หรือในอีกทางหนึ่งกล่าวได้ว่าที่ระดับ SET Index ปัจจุบันซื้อขายบนความคาดหวังของกำไรปี 2564 ซึ่งมองข้ามปี 2563 ที่เป็นหลุมลึกของผลประกอบการไป”

กลยุทธ์การจัดพอร์ตลงทุนในยามที่ Valuation ตลาดเริ่มตึง ท่ามกลางความไม่แน่นอน ให้น้ำหนักไปที่หุ้นพื้นฐานแข็งแกร่งผันผวนต่ำ และปันผลสูงเป็นหลัก

ส่วนวันนี้ ศบค.มีมติเห็นชอบผ่อนปรนกิจการและกิจกรรมระยะที่ 3 หลายกิจกรรม รวมถึงโรงหนังภาพยนต์ โดยจำกัดให้ที่นั่งไม่เกิน 200 คน เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2563 ฝ่ายวิจัยมองเป็น Sentiment เชิงบวกต่อหุ้น MAJOR ราคาต่อมูลค่าทางบัญชีต่อหุ้น (Price to Book Value: 12.2) ที่ได้รับการผ่อนคลายเร็วกว่าที่เราคาดว่าจะกลับมาเปิดช่วงกลางเดือน มิ.ย. และตามประกาศของ ศบค. จะกำหนดที่นั่งไม่เกิน 200 คน/โรง แต่จากที่สอบถามบริษัทยังคงแผนเปิดให้บริการภายใต้มาตราควบคุมโดยจำกัดไม่ให้เกิน 50 คน/โรง หรือราว 20-25% ของความจุสูงสุด ดังนั้นเรามองการฟื้นตัวของผลประกอบการ MAJOR จะเป็นแบบค่อยเป็นค่อยไป

เนื่องจากโรงหนังยังไม่สามารถกลับมาเปิดได้แบบเต็บสูบประกอบกับหนังใหญ่ทำเงินหลายเรื่องถูกเลื่อนกำหนดฉายไปปีหน้า เชื่อว่าราคาหุ้นสะท้อนความคาดหวังการเปิดโรงหนังไปมากแล้ว ด้วยแนวโน้มผลประกอบการขาดทุนในปีนี้จึงยังคงแนะนำ Switch