โบรกฯ “เมย์แบงก์ กิมเอ็ง” เปิดโผ 6 หุ้นน่าลงทุน “BDMS-SPA-MINT-CPALL-CPF-RBF” ชูธุรกิจดึงจุดเด่นอุตสาหกรรมแกร่งของไทยมาผสมกันได้ดี ทั้ง “ท่องเที่ยว-การแพทย์-อาหาร” ชี้โอกาสดึงเทคโนโลยีมาใช้หนุนรายได้-กำไรพุ่ง
นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ นักกลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า ท่ามกลางภาวะการแข่งขันของตลาดโลกที่สูงขึ้น ส่งผลให้บริษัทที่จะสามารถเติบโตได้ดีจำเป็นจะต้องมีจุดแข็งที่โดดเด่นกว่าคู่แข่ง สำหรับประเทศไทยฝ่ายวิจัยมองว่ายังมีหลายอุตสาหกรรมที่มีข้อได้เปรียบกว่าประเทศอื่นทั่วโลก เช่น การท่องเที่ยว การแพทย์ และอาหาร-เครื่องดื่ม ดังนั้น การดึงจุดได้เปรียบออกมาเพื่อแข่งขันในตลาดโลกถือเป็นกลยุทธ์ในการแข่งขันที่ดี อีกทั้งหากนำจุดเด่นมาผสมผสานกันจะเป็นการต่อยอดธุรกิจเพิ่มเติม นอกจากนี้ การนำเอาเทคโนโลยีเข้าใช้จะช่วยเสริมช่องทางในการขยายธุรกิจมากยิ่งขึ้น
- ประกาศแล้ว! พระราชกฤษฎีกาเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ รับ 11,000 บาทต่อเดือน
- เปิดไทม์ไลน์ลูกค้าซิตี้แบงก์ต้องรู้! ก่อนโอนย้ายบัญชีมาเป็น “ยูโอบี” 21 เม.ย.นี้
- ออมสิน เปิดให้กู้สินเชื่อรีไฟแนนซ์ ลดดอกเบี้ย 4 กลุ่ม เช็กเลย !
ดังนั้น ในฐานะนักลงทุนจึงควรพิจารณานำเอาข้อได้เปรียบของไทยมาช่วยกำหนดกลยุทธ์การลงทุนที่เหมาะสมในระยะกลาง-ยาว โดยทั้งหมดนี้จึงนำมาสู่บทวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์การลงทุนในธีม “Thailand: Core Competencies Combination”
โดย 3 อุตสาหกรรม ได้แก่ ท่องเที่ยว การแพทย์ และอาหาร ประเทศไทยถือว่ามีศักยภาพในการแข่งขันในตลาดโลกในหลากหลายแง่มุม จากทั้งองค์ความรู้ ความสามารถของบุคลากร และสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม ส่งผลให้ประเทศไทยได้เปรียบคู่แข่งในประเทศต่างๆ ค่อนข้างมาก รวมถึงแต่ละอุตสาหกรรมมีโอกาสเติบโตสูงตามทิศทางเศรษฐกิจทั่วโลกที่จะขยายตัวมากยิ่งขึ้นในช่วงถัดไป
ขณะที่การนำจุดแข็งในหลายๆ ด้านมาผสมผสานกันจะเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยเสริมความแข็งแกร่งในด้านโครงสร้างรายได้ที่มากยิ่งขึ้น ซึ่งหากธุรกิจต่างๆ ได้นำข้อได้เปรียบของประเทศไทยมาผสมเข้ากับธุรกิจที่โดดเด่นของตนเองแล้วคาดว่าจะยิ่งเป็นช่องทางในการขับเคลื่อนรายได้ให้เติบโต นอกจากนี้ การต่อยอดเทคโนโลยีสมัยใหม่ เช่น โซเชียลเน็ตเวิร์ก และช่องทางออนไลน์ ถือเป็นการขยายช่องทางการทำธุรกิจที่เข้ากับสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนไปเช่นในปัจจุบัน
นายวิจิตร กล่าวอีกว่า ฝ่ายวิจัยแนะนำทยอยสะสมหุ้นเด่นที่น่าสนใจสำหรับการลงทุนในระยะกลางที่มีการผสมผสานจุดเด่นของประเทศไทย ได้แก่ 1.การแพทย์-ท่องเที่ยว คือ การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ (Medical Tourism) แนะนำ BDMS ด้วยสาขาที่กระจายอยู่ทั่วประเทศ ซึ่งรวมถึงจังหวัดที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ รวมถึง SPA ซึ่งประกอบธุรกิจการนวดและบำบัด ถือเป็นจุดเด่นที่สำคัญของไทยที่นักท่องเที่ยวต่างชาตินิยมใช้บริการ
2.ท่องเที่ยว-อาหารและเครื่องดื่ม คือ เน้นธีมลงทุนไปที่การบริโภคของนักท่องเที่ยว โดยแนะนำ MINT ซึ่งเป็นเจ้าของแบรนด์ธุรกิจโรงแรมและร้านอาหารชั้นนำ งสำหรับคนไทยและต่างชาติ รวมถึง CPALL ร้านค้าปลีกมีสาขาครอบคลุมทั่วประเทศซึ่งง่ายต่อการเข้าถึงผู้บริโภคและนักท่องเที่ยว
และ 3.อาหารและเครื่องดื่ม-การแพทย์ คือ อาหารและเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ (Healthy F&B) แนะนำ CPF ธุรกิจอาหารครบวงจรขานรับการเป็นครัวโลกที่จะขยายการเติบโตไปได้อย่างยั่งยืน รวมถึง RBF เน้นพัฒนาและวิจัยนวัตกรรมด้านอาหารแบบครบวงจร ช่วยต่อยอดธุรกิจเติบโตอย่างมั่นคง
“หากบริษัทสามารถผสมผสานจุดแข็งดังกล่าว พร้อมกับนำเอาเทคโนโลยีดังกล่าวเข้ามาใช้ เราคาดจะทำให้อัตราการทำกำไรสูงขึ้น และเร่งผลการดำเนินงานให้เติบโตได้ดียิ่งขึ้นต่อไป” นายวิจิตร กล่าว
