หุ้นไทยวันนี้ยืนบวก พรุ่งนี้จับตาประชุม กนง.-IMF ปรับประมาณการ ศก.โลก

นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ ผู้อำนวยการนักกลยุทธ์การลงทุนฝ่ายวิจัย บล. เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) เปิดเผยภาพรวมตลาดหุ้นไทยวันที่ 23 มิ.ย.63 ว่า ปิดตลาดวันนี้ดัชนีอยู่ที่ 1,356.43 จุด ปรับขึ้น 4.25 จุด หรือ +0.31% ดัชนีปรับขึ้นไปสูงสุดที่บริเวณ 1,361.84 จุด และลดลงต่ำสุดบริเวณ 1,351.92 จุด มูลค่าการซื้อขายอยู่ที่ 49,101.67 ล้านบาท วันนี้ตลาดค่อนข้างเงียบมาก ช่วงเช้าเหมือนจะมีข่าวใหญ่เกี่ยวกับสัญญาการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐได้สิ้นสุดลงแล้วนั้น แต่ก็มีการออกมาแก้ข่าวได้ทันก่อนที่ตลาดหุ้นจะเปิด ขณะที่ระหว่างวันเซนติเมนต์การลงทุนยังรอปัจจัยใหม่ๆ ภาพยังคล้ายเดิมคือ สัญญาณโควิดระบาดระลอก 2 อาจจะยังเป็นแรงกดดัน ทั้งทางฝั่งสหรัฐและเกาหลีใต้ที่ดูน่ากลัว อย่างไรก็ดีตั้งแต่สิ้นเดือน มิ.ย.-ก.ค. เชื่อว่าตลาดจะจับตาพัฒนาการวัคซีน

“ถ้าเราเห็นตอนเช้าชัดเจนมากคือ ตลาดหุ้นเป็นตลาดที่เปราะบางมาก พอมีข่าวลบแทรกเข้ามาดาวโจนส์ฟิวเจอรส์เป็นบวกปรับร่วงลงไปทันที 300 จุด แต่พอออกมาปฏิเสธข่าวก็ดีดกลับมาเป็นบวกได้ปกติ กลายเป็นว่าตลาดแกว่งออกข้างไซด์เวย์เพื่อรอปัจจัยใหม่ๆ ตอนนี้ดาวโจนส์ฟิวเจอรส์ยังบวกอยู่ได้ประมาณ 200 จุด และขาของโมเมนตัมตลาดหุ้นเอเชียวันนี้อาจจะบวกเล็กๆ เฉลี่ยประมาณ 0.5% และขาตลาดหุ้นยุโรปบวกอยู่ประมาณ 1% กว่าๆ”

ทั้งนี้ความบาลานด์ระหว่างดีมานด์และซัพพลายของราคาน้ำมันดิบเป็นปัจจัยที่ช่วยพยุงตลาดอยู่ได้ เช่น ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ยืนเหนือ 40 เหรียญต่อบาร์เรลได้ ขณะที่ราคาน้ำมันดิบ BRENT ยังเดินหน้ามาอยู่ที่ 43.7 เหรียญต่อบาร์เรล ทั้งสองขาบวกอยู่ประมาณ 70 เซนต์ เชื่อว่าราคาน้ำมันดิบช่วงสั้นๆ จะเป็นมีทิศทางที่ดี เพราะโอเปกค่อนข้างจับมือกันได้ และแท่นขุดเจาะน้ำมันฝั่งสหรัฐยังคงปรับลง จึงต้องมอนิเตอร์ถ้าราคาน้ำมันดิบ BRENT วิ่งขึ้นไปบริเวณ 45 เหรียญต่อบาร์เรล ต้องจับตาว่าขาของสหรัฐจะวิ่งกลับมาเปิดกำลังผลิตหรือไม่ ซึ่งอาจจะเป็นจุดลบได้

ขณะที่ดีมานด์ตลาดยังคงใช้ปัจจัยหลังจากปลดล็อกดาวน์ ฟื้นกิจกรรมทางเศรษฐกิจ แม้จะเกิดโควิดระลอก 2 แต่คงเดินหน้าที่จะเปิดประเทศต่อไป ส่วนการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง) วันพรุ่งนี้ (24 มิ.ย.) แต่มองว่าคงไม่กระทบตลาดหุ้นมาก เพราะเชื่อว่า “คงอัตราดอกเบี้ยที่ 0.5%” เก็บกระสุนไว้ก่อน รวมไปถึงติดตามการรายงานตัวเลขส่งออก เดือน พ.ค.63 ซึ่งตลาดมองติดลบ 5.75% เทียบช่วงเดียวกันปีก่อน

และคืนวันพรุ่งนี้(24มิ.ย.)รอประเด็น IMF ที่จะออกมาปรับประมาณการตัวเลขเศรษฐกิจโลก ซึ่งต้องพิจารณาว่าตัวเลขจะออกมาแย่กว่ารอบก่อนหรือไม่ โดยประเมินกรอบการเคลื่อนไหวบริเวณแนวรับ 1,340 จุด ส่วนแนวต้านที่ 1,365 จุด

กลยุทธ์ลงทุนจังหวะย่อค่อยๆ ทยอยตั้งรับ กลุ่มหุ้นหลักๆ คือ หุ้นโมเมนตัมครึ่งปีหลังดีกว่าครึ่งปีแรก มูลค่าหุ้นไม่สูงมากนัก และทิศทางล้อไปกับดอกเบี้ยขาลง เช่น PTTGC, JMT, CK