กลุ่มบริษัทเอไอเอ มูลค่าธุรกิจใหม่ร่วง 37% อยู่ที่ 1.41 พันล้านเหรียญ

กลุ่มบริษัทเอไอเอ กำไรจากการดำเนินงานหลังหักภาษีครึ่งปีแรกอยู่ที่ 2.93 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 5% มูลค่าธุรกิจใหม่ลดลง 37% อยู่ที่ 1.41 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ยันฐานะการเงินยังแกร่ง บอร์ดอนุมัติจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลเพิ่ม 5% มูลค่า 35 เซ็นต์ฮ่องกงต่อหุ้น “หลี่ หยวน ชยอง” ชี้เห็นสัญญาณที่ดีของการฟื้นตัวธุรกิจใหม่ในแต่ละตลาด

เอไอเอ
หลี่ หยวน ชยอง

วันนี้(20 ส.ค.2563) กลุ่มบริษัทเอไอเอ สำนักงานใหญ่ในเขตบริหารพิเศษฮ่องกง รายงานผลการดำเนินงานช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ (ม.ค.-มิ.ย.63) มีผลกำไรจากการดำเนินงานหลังหักภาษี(OPAT) อยู่ที่ 2.93 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 5% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันปีก่อน ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงคุณภาพและการเติบโตของการดำเนินธุรกิจ โดยมูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB) ลดลง 37% อยู่ที่ 1.41 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ถือเป็นจำนวนที่ต่ำสำหรับครึ่งปีแรก ภายใต้การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19

ขณะที่ฐานะการทางเงินของบริษัทยังเป็นไปอย่างแข็งแแกร่งด้วยการเติบโตของมูลค่าของเงินกองทุนส่วนเกินที่เพิ่มขึ้น (Underlying free surplus generation) 11% และอัตราส่วนของการดำรงเงินกองทุน (Solvency ratio) ตามหลักเกณฑ์ของหน่วยงานกำกับดูแลธุรกิจประกันภัยเขตบริหารพิเศษฮ่องกง ซึ่งเอไอเอ ยังมีอัตราส่วนที่แข็งแกร่งถึง 328%

ทั้งนี้คณะกรรมการของกลุ่มบริษัทเอไอเอ ประกาศเงินปันผลระหว่างกาลเพิ่มขึ้น 5% คิดเป็นมูลค่า 35.00 เซ็นต์ฮ่องกงต่อหุ้น ซึ่งสะท้อนถึงฐานะทางการเงินที่มั่นคงของกลุ่มบริษัท แม้ในภาวะที่เศรษฐกิจในภาพรวมยังคาดการณ์ได้ยาก รวมถึงสภาพแวดล้อมของตลาดทุนที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19

นายหลี่ หยวน ชยอง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มบริษัทเอไอเอเปิดเผยว่า มีความภูมิใจอย่างมากกับแนวทางการบริหารธุรกิจของเอไอเอที่มีการปรับตัวอย่างรวดเร็ว และมีความเข้าใจต่อความท้าทายที่เกิดขึ้นจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 รวมทั้งยังได้ส่งมอบการสนับสนุนอย่างต่อเนื่องแก่ลูกค้าและสังคม จึงขอขอบคุณต่อความทุ่มเท ความร่วมมือ และการมีส่วนร่วมของพวกเราทุกคนในช่วงเวลาที่คาดเดาไม่ได้เช่นนี้

“เราเห็นสัญญาณที่ดีของการฟื้นตัวของยอดขายธุรกิจใหม่ในแต่ละตลาดของเรา ซึ่งเป็นผลมาจากการผ่อนคลายของมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทั้งนี้การเติบโตของกำไรจากการดำเนินงานหลังหักภาษีและมูลค่าของเงินกองทุนส่วนเกินที่เพิ่มขึ้น แสดงให้เห็นถึงการฟื้นตัวของพอร์ตการเงินขนาดใหญ่ของเราและการดำรงเงินกองทุนของเอไอเอยังคงมีความแข็งแกร่ง”

“ตั้งแต่ที่ผมได้เข้ารับตำแหน่งในเดือน มิ.ย.ผมได้ร่วมงานอย่างใกล้ชิดกับคณะผู้บริหารทั่วทั้งกลุ่มบริษัท เพื่อร่วมกันพัฒนาและดำเนินงานตามแผนงานกลยุทธ์ของเรา ซึ่งเป็นการสร้างข้อได้เปรียบในการแข่งขันที่สำคัญ และปรับรูปแบบองค์กรเอไอเอ ให้มีความง่าย รวดเร็ว และเชื่อมต่อกันมากขึ้น

เราจะนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการที่ตอบโจทย์ความต้องการที่แตกต่างกันของลูกค้าของเรา ผ่านเทคโนโลยีและเครื่องมือดิจิทัลแบบใหม่ๆ เพื่อส่งมอบการบริการที่ดีเยี่ยม ผมมีความตื่นเต้นอย่างมากที่จะได้มีส่วนร่วมในความสำเร็จบทใหม่ในหน้าประวัติศาสตร์ของเอไอเอ และยังคงมุ่งเดินหน้าในการสร้างมูลค่าที่เติบโตและยั่งยืนแก่ผู้ถือหุ้นของเรา”