บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด รายงานราคาทองคำประจำวันที่ 11 ก.ย. 2563
- เปิด 10 อันดับมหาวิทยาลัยรัฐ-ราชภัฏ-เอกชน ที่ได้รับความนิยมมากสุด
- โปรดเกล้าฯ พระราชทานยศ ข้าราชการในพระองค์ฝ่ายทหาร 3 ราย
- ยูโอบี ย้ำลูกค้าบัตรเครดิตซิตี้ ยังใช้งานได้ปกติ แจงสิ่งควรรู้หลังโอนพอร์ต
สรุป ราคาทองคำวานนี้ปิดปรับตัวลดลง 2.93 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แม้ในระหว่างวันราคาทองคำจะทะยานขึ้นแตะระดับสูงสุดบริเวณ 1,966.53 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยได้รับแรงหนุนจากการแข็งค่าของสกุลเงินยูโร ขานรับผลการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) ที่มีมติ “คง” อัตราดอกเบี้ยและวงเงินเข้าซื้อสินทรัพย์ตามคาด
ขณะที่นางคริสติน ลาการ์ด ประธาน ECB ระบุว่า เศรษฐกิจยูโรโซนดีดตัวขึ้น “อย่างแข็งแกร่ง” และคาดว่าเศรษฐกิจยูโรโซนมีแนวโน้มหดตัวลง -8.0% ในปีนี้ ซึ่งเป็นตัวเลขคาดการณ์ที่ “ดีกว่า” ที่เคยระบุในเดือนมิ.ย.ว่าเศรษฐกิจจะหดตัว -8.7%ในปีนี้
นอกจากนี้ นางลาการ์ดยังคงคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อปีนี้ที่ 0.3% และปรับเพิ่มคาดการณ์เงินเฟ้อในปีหน้าสู่ระดับ 1.0% จากระดับ 0.8% ที่สำคัญ คือ ECB ย้ำชัดว่าไม่ได้ตั้งเป้าหมายด้านอัตราแลกเปลี่ยน พร้อมจะจับตาดูการแข็งค่าของยูโรอย่างใกล้ชิด แต่ไม่จำเป็นต้องแสดงปฏิกิริยามากเกินไปต่อการแข็งค่าของสกุลเงินยูโร
อย่างไรก็ดี ราคาทองคำไม่สามารถรักษาช่วงบวกไว้ได้ เนื่องจากสกุลเงินดอลลาร์กลับมาแข็งค่าโดยได้รับแรงหนุนจากการดิ่งลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 7 สัปดาห์ของค่าเงินปอนด์ หลังจากมีข่าวว่าสหภาพยุโรป (EU) เตรียมยื่นฟ้องศาลหากการเจรจาฉุกเฉินไม่ประสบความสำเร็จ จากกรณีที่อังกฤษมีแผนละเมิดข้อตกลง Brexit ด้วยการผลักดัน Internal Market Bill แม้ว่าร่างกฎหมายดังกล่าวมีเนื้อหาที่ขัดต่อข้อตกลง Brexit ที่อังกฤษได้ทำไว้กับ EU ก่อนหน้านี้
ปัจจัยดังกล่าวหนุนดอลลาร์ให้แข็งค่า จนกระตุ้นแรงขายในตลาดทองคำส่งผลให้ราคาทองคำลดช่วงบวกลงมาปิดตลาดบริเวณ 1,944.39 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ด้านกองทุน SPDR ถือครองทองคำไม่เปลี่ยนแปลง
สำหรับวันนี้ติดตามการเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของสหรัฐ
คำแนะนำ ราคายังแกว่งตัวในกรอบ หากราคาสามารถยืนเหนือ 1,927-1,906 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้ให้เปิดสถานะซื้อ และทยอยปิดสถานะทำกำไรบางส่วนหากไม่ผ่านบริเวณแนวต้าน 1,956-1,966 ดอลลาร์ต่อออนซ์
