“เอเซีย พลัส” เชียร์ซื้อ 6 หุ้นแกร่ง! ดักทางดัชนีปีหน้าฟื้นตัว 1,450 จุด

‘เอเซีย พลัส’ เผยมุมมองตลาดหุ้นปี 2564 กำไร บจ.มีโอกาสฟื้นตัว 25% ลุ้น SET Index กลับขึ้นไปทดสอบ 1,450 จุดอีกครั้ง ชี้สภาพคล่องล้นระบบ-มูลค่าเงินฝากสูงกว่าตลาดหุ้น แนะกลยุทธ์สะสม 6 หุ้นแกร่ง ‘ASK-DOHOME-INSET-MTC-NOBLE-STGT’ ผ่านบททดสอบโควิด-19

นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เอเซีย พลัส เปิดเผยว่า ภาพรวมของเศรษฐกิจไทยปีนี้ เริ่มเห็นค่าเฉลี่ยที่ตลาด (Consensus) คาดการณ์จีดีพีปี 2563 จะหดตัว 7.3% เทียบกับคาดการณ์ของฝ่ายวิจัย เอเซีย พลัส (ASPS) คาดว่าเศรษฐกิจจะติดลบ 8.4% โดยสำนักวิเคราะห์เศรษฐกิจต่างๆ เริ่มทยอยปรับเพิ่มคาดการณ์จีดีพีปี 2563 โดยมีปัจจัยหนุนจากงบประมาณปี 2564 ที่ไม่ล่าช้าเหมือนที่คาดเอาไว้ รวมถึงมาตรการการคลังในช่วงโค้งสุดท้ายของปีคาดว่าจะยังมีเข้ามากระตุ้นเศรษฐกิจ

ในส่วนของกำไรบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ยังคงคาดการณ์ปี 2563 ที่ 6.13 แสนล้านบาท หรือ 56.65 บาท/หุ้น หลังจากครึ่งปีแรกของปีนี้ (1H63) กำไรที่ออกมารวมกัน 1.9 แสนล้านบาท โดยประเมินการกำไรงวดไตรมาส 3 และ 4 ที่เหลือเฉลี่ย 2 แสนล้านบาทต่อไตรมาส ส่วนปี 2564 คาดการณ์กำไร บจ.ที่ 7.85 แสนล้านบาท หรือ 72.51 บาท/หุ้น ขยายตัว 25%

“แม้ปัจจัยพื้นฐานของตลาดจะนิ่ง แต่ยังมีปัจจัยกดดันประมาณ 5 ปัจจัย ได้แก่ สถานการณ์จำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ทั่วโลก โดยเฉพาะยุโรปและเอเชียยังสูง ทำให้เกิดการล็อกดาวน์ในบางประเทศ การเลือกตั้งในสหรัฐฯ ในวันที่ 3 พ.ย. การเมืองไทยที่ยังคงต้องติดตาม การปรับพอร์ตเพื่อเตรียมซื้อหุ้น IPO ของ SCGP ก่อนเข้าตลาดของนักลงทุนสถาบันมีโอกาสเขย่าและกดดันหุ้นขนาดใหญ่ระยะสั้น รวมถึงการปรับเกณฑ์ Ceiling & Floor และ Short Sell ที่กลับมาตามปกติ” นายเทิดศักดิ์ กล่าว

นายเทิดศักดิ์ กล่าวอีกว่า อย่างไรก็ดี ตลาดหุ้นยังมีปัจจัยหนุนจากสภาพคล่องที่ล้นระบบ (เงินฝากสูงกว่ามูลค่า หรือ Market Cap ของตลาดหุ้น) และรอจ่อเข้าตลาดหุ้น หากปัจจัยกดดันทั้ง 5 ปัจจัยดังกล่าว เริ่มมีความผ่อนคลายลงเชื่อว่าเม็ดเงินลงทุนพร้อมที่จะไหลเข้าตลาดหุ้นในระยะถัดไป

เมื่อมองในมุมมูลค่าหุ้น (Valuation) ที่เริ่มนิ่ง ด้วยสภานการณ์ของการปรับลดคาดการณ์กำไรต่อหุ้นปี 2563 และ 2564 ของ Consensus เริ่มลดน้อยลง บวกกับตลาดหุ้นมักฟื้นตัวได้ดีหลังกำไรบริษัทจดทะเบียนผ่านพ้นจุดต่ำสุด ดังนั้น โอกาสปรับขึ้นของดัชนีหุ้นไทยเริ่มเปิดกว้างขึ้น ตามเป้าหมายดัชนีปี 2564 ที่สายงานวิจัยประเมินไว้ที่ 1,450 จุด ถือเป็นจังหวะในการสะสมหุ้นพื้นฐานดี ราคาถูก ยามตลาดปรับฐานลงมา

“หุ้นที่ผ่านบททดสอบโควิด-19 ได้เป็นอย่างดี เป็นหุ้นที่น่าลงทุนในจังหวะนี้ เช่น ASK DOHOME INSET MTC NOBLE และ STGT ในทางตรงกันข้าม หุ้นที่ราคาเกินมูลค่าพื้นฐานไปมาก ต้องระมัดระวังการซื้อขาย เช่น MINT และ LPN” นายเทิดศักดิ์ กล่าว

ด้าน นายภาดร สุขสวัสดิ์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ ฝ่ายที่ปรึกษาด้านกลยุทธ์การลงทุนและผลิตภัณฑ์ บล.เอเซีย พลัส ให้มุมมองเพิ่มเติมถึงกลยุทธ์การจัดพอร์ตการลงทุนปีนี้ว่า ปี 2563 ที่นับเป็นอีกปีที่ท้าทายของตลาดหุ้นไทย การหาโอกาสสร้างผลตอบแทนเพิ่มเติมจากการลงทุนในตลาดหุ้นต่างประเทศ โดยเฉพาะกลุ่มเศรษฐกิจใหม่ (New Economy) เช่น หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและสินค้าบริโภค ซึ่งจะช่วยให้กระจายน้ำหนักการลงทุนออกจากหุ้นไทยที่ส่วนใหญ่ยังคงอยู่ที่กลุ่มพลังงานและธนาคาร และจะช่วยให้พอร์ตการลงทุนมีการกระจายตัวได้ดีขึ้น และรองรับเทรนด์การลงทุนใหม่ๆ ที่จะมาในอนาคตได้ดีกว่าเดิม