ครม. มีมติเห็นชอบอนุมัติ 3 โครงการ “ช้อปดีมีคืน คนละครึ่ง เติมเงินบัตรคนจน” กระตุ้นการใช้จ่ายภายในประเทศ
วันที่ 12 ตุลาคม 2563 ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้กล่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ครม. มีมติเห็นชอบอนุมัติ 3 โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ได้แก่
- “ทางรัฐ” ซูเปอร์แอปแห่งชาติ รองรับแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท
- รู้ไหม ? 31 มณฑลจีน ชอบสินค้าอะไรของไทย
- ทำฟันประกันสังคม ไม่ต้องสำรองจ่าย เดือน มี.ค. 67 ยอด 169 ล้านบาท
1. มาตรการเติมเงินในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 14 ล้านคน คนละ 1,500 บาท
2. มาตรการคนละครึ่ง กระตุ้นค่าใช้จ่ายโดยประชาชนออกครึ่งหนึ่งและรัฐบาลออกอีกครึ่ง (Co-pay)
3. มาตรการช้อปดีมีคืน กระตุ้นการบริโภคประชาชนประเทศในกลุ่มที่เสียภาษี โดยคืนภาษีสูงสุด 30,000 บาทมาลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
“มาตรการทั้ง 3 โครงการมีเป้าหมายเพื่อดึงเงินเข้าสู่ระบบ เมื่อมีการใช้จ่าย มีการผลิต มีการจ้างงาน ทำให้สามารถดำรงชีพอยู่ได้” นายกรัฐมนตรีกล่าว
ในการแถลงข่าวข้างต้น นายกรัฐมนตรีได้นำนายสุพัฒนพงษ์ รองนายกรัฐมนตรี นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง และ นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง ซึ่งเริ่มทำงานเป็นวันแรก ร่วมแถลงข่าวด้วย
ทั้งนี้ สำหรับโครงการ ช้อปดีมีคืน จะเริ่มต้นตั้งแต่วันที่ 23 ต.ค.-31 ธ.ค. 2563 ขณะที่โครงการ คนละครึ่ง จะเปิดให้ประชาชนทั่วไปลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ได้ตั้งแต่วันที่ 16 ต.ค. นี้ และเริ่มใช้จ่ายตามโครงการได้ตั้งแต่วันที่ 23 ต.ค. เป็นต้นไป
- ส่องเงื่อนไข “ช้อปดีมีคืน” ซื้ออะไรลดหย่อนภาษีได้บ้าง
- เปิดขั้นตอนลงทะเบียน “คนละครึ่ง” ให้สิทธิ 10 ล้านคนเท่านั้น
คลังแจงประโยชน์ 3 โครงการ
ก่อนหน้านี้ กระทรวงการคลังได้ชี้แจงถึงประโยชน์ทางเศรษฐกิจของทั้ง 3 โครงการ โดยระบุว่ามาตรการเหล่านี้จะครอบคลุมประชาชนกว่า 28 ล้านคนในทุกภาคส่วน และคาดว่าจะมีเม็ดเงินเข้าสู่ระบบกว่า 192,000 ล้านบาท ทำให้เพิ่มตัวเลข GDP ได้ถึง 0.54%
กระทรวงการคลังระบุว่า โครงการ “ช้อปดีมีคืน” นั้นมีวัตถุประสงค์เพื่อกระตุ้นการบริโภคในประเทศ โดยสนับสนุนผู้ประกอบการที่อยู่ในระบบภาษี และประชาชนผู้ที่มีภาระภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา รวมถึงการส่งเสริมการผลิตสินค้าท้องถิ่น ซึ่งเป็นเศรษฐกิจระดับฐานราก และส่งเสริมการอ่าน อันเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้
ส่วน “โครงการคนละครึ่ง” ซึ่งนั้นมีเป้าหมายดูแลช่วยเหลือพ่อค้าแม่ค้าขนาดเล็ก ที่ประกอบกิจการขายสินค้าหาบเร่แผงลอยที่เป็นบุคคลธรรมดา ซึ่งขณะนี้มีร้านค้าเข้าร่วมโครงการแล้วกว่า 2.2 แสนราย
ขณะที่ “โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ” มีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยเหลือ ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐจำนวน 14 ล้านคน โดยการเพิ่มวงเงินพิเศษสำหรับซื้อสินค้าบริโภคอุปโภคสำหรับซื้อสินค้าบริโภคอุปโภคที่จำเป็น 500 บาท/คน/เดือน 3 เดือน (ต.ค. – ธ.ค. 63) ซึ่งได้โอนงวดงวดแรกแล้วเมื่อวัน 8 ตุลาคม 2563 ที่ผ่านมา