ตลาดหุ้นปิดลบเล็กน้อยที่ 1,213.61 จุด เหตุนักลงทุนขายลดความเสี่ยงหยุดยาว 3 วัน กังวลการชุมนุมการเมืองสุดสัปดาห์ ประเมินภาพสัปดาห์หน้าผันผวนในกรอบ 1,200-1,250 จุด
นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) เปิดเผยภาพรวมตลาดหุ้นไทยวันที่ 22 ต.ค.63 ว่า ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ SET (SET Index) ปิดลบที่ 1,213.61 จุด ปรับลง 2.87 จุด หรือปรับลง 0.24% และมีมูลค่าการซื้อขายรวม 66,255.54 ล้านบาท โดยระหว่างวันดัชนีแกว่งในกรอบแคบแดนบวกสลับแดนลบ
- เปิด 10 อันดับมหาวิทยาลัยรัฐ-ราชภัฏ-เอกชน ที่ได้รับความนิยมมากสุด
- โปรดเกล้าฯ พระราชทานยศ ข้าราชการในพระองค์ฝ่ายทหาร 3 ราย
- ยูโอบี ย้ำลูกค้าบัตรเครดิตซิตี้ ยังใช้งานได้ปกติ แจงสิ่งควรรู้หลังโอนพอร์ต
แม้ว่าจะได้รับปัจจัยหนุนจากการประกาศยกเลิก พรก.ฉุกเฉินร้ายแรงในกรุงเทพมหานครฯ อย่างไรก็ดี ปัจจัยการเมืองในประเทศยังคงเป็นปัจจัยกดดัน รวมถึงการเข้าสู่วันหยุดยาวตั้งแต่พรุ่งนี้ (23 ต.ค.) ถึงวันที่ 25 ต.ค. ส่งผลให้นักลงทุนหาจังหวะเพื่อขายหุ้นลดความเสี่ยงลงมา และส่งผลให้ดัชนีปิดตลาดติดลบประมาณสามจุดอย่างที่เห็น
ขณะที่ปัจจัยแวดล้อมที่ต้องติดตามต่อสัปดาห์หน้า (26-30 ต.ค.) ได้แก่ สถานการณ์การเมืองในประเทศในช่วงสุดสัปดาห์นี้ รวมถึงการเปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญช่วงต้นสัปดาห์หน้า โดยตลาดหุ้นคาดหวังจะเห็นความคืบหน้าที่จะช่วยแก้ไขให้การเมืองในประเทศมีความผ่อนคลายมากยิ่งขึ้น
“สำหรับกรอบการเคลื่อนไหวของ SET Index สัปดาห์หน้า เรายังประเมินว่าแนวรับที่ 1,200 จุด จะยังเอาอยู่ ขณะที่แนวต้านแรกอยู่ที่ 1,230 จุด และแนวต้านถัดไปที่ 1,250 จุด โดยคาดว่าดัชนีจะแกว่งผันผวนตามปัจจัยการเมืองในประเทศเป็นหลัก” นายวิจิตร กล่าว
ส่วนปัจจัยต่างประเทศ แนะนำติดตามการประชุมของธนาคารกลางยุโรป (ECB) และธนาคารกลางญี่ปุ่น (BoJ) อย่างไรก็ตาม ปัจจัยภายนอกอาจไม่มีน้ำหนักกับตลาดหุ้นไทยมากเท่ากับปัจจัยการเมืองในประเทศ
เมื่อสอบถามถึงกลยุทธ์การลงทุน นายวิจิตร กล่าวว่า สำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ค่อนข้างต่ำ แนะนำรอติดตามสถานการณ์ (Wait and See) และยังไม่จำเป็นต้องรีบลงทุน ขณะที่ผู้ที่รับความเสี่ยงได้สูง แนะนำ “ซื้อเก็งกำไร” (Trading) ในกรอบ 1,200-1,230 จุด
โดยเน้นหุ้นกำไรดีและมีปัจจัยบวกเฉพาะตัว อาทิ หุ้นที่ได้รับอานิสงาส์มาตรการภาครัฐ ได้แก่ COM7 และ JMART รวมถึงหุ้นที่ราคาปรับลงไปค่อนข้างมากแล้ว ได้แก่ SAWAD