“ศักดิ์สยามลิสซิ่ง” ปักธงเข้าตลาดหุ้นปีนี้ ระดมทุนขยายสาขาเท่าตัวภายในปี’66

บมจ.ศักดิ์สยามลิสซิ่ง หรือ ‘SAK’ ผู้ให้บริการสินเชื่อรายย่อย เผยแผนขาย IPO กว่า 546 ล้านหุ้น ระดมทุนขยายเครือข่ายธุรกิจ เล็งตั้งสาขาเพิ่มเท่าตัวเป็น 1,119 สาขาภายในปี 2566 เผยแผนดันสินเชื่อโต 25% ต่อปี

​ผศ.ดร.พูนศักดิ์ บุญสาลี ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ศักดิ์สยามลิสซิ่ง จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทฯ ประกอบธุรกิจให้บริการสินเชื่อรายย่อยระดับภูมิภาคภายใต้การกำกับดูแลจากหน่วยงานภาครัฐ ภายใต้ชื่อแบรนด์ “สินเชื่อศักดิ์สยาม” (SAKSIAM) ซึ่งมีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในการดำเนินธุรกิจมานานกว่า 25 ปี เทียบเท่าบริษัทชั้นนำในอุตสาหกรรม

โดยบริษัทฯ มีจุดเริ่มต้นธุรกิจมาจากการรับบริหารจัดเก็บหนี้ ทำให้มีความเข้าใจลูกค้าและมองเห็นโอกาสการก้าวเข้าสู่ธุรกิจการปล่อยสินเชื่อให้แก่ประชาชน เพื่อนำไปใช้เป็นแหล่งเงินทุนในการประกอบสัมมาชีพ โดยยึดหลักแนวคิด “การให้บริการอย่างเป็นธรรม เข้าใจและเข้าถึง” ด้วยความโปร่งใส ซื่อสัตย์ และจริงใจ ให้แก่ประชาชนในท้องถิ่น

​ทั้งนี้ บริษัทฯ มุ่งเน้นการเติบโตอย่างยั่งยืน ที่มีวิสัยทัศน์ก้าวเป็น “หนึ่งในผู้นำสินเชื่อส่วนรายย่อยระดับชาติ” โดยเป็นบริษัทฯ ที่ช่วยให้ประชาชนสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้อย่างสะดวก รวดเร็ว และเป็นธรรม ภายใต้ผลิตภัณฑ์สินเชื่อที่หลากหลายเพื่อตอบสนองทุกความต้องการ โดยแบ่งผลิตภัณฑ์ออกเป็น 4 ประเภท ดังนี้

​1. สินเชื่อทะเบียนรถ (Vehicle Title Loan) สำหรับลูกค้ารายย่อยบุคคลทั่วไปและเกษตรกร ที่เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์รถจักรยานยนต์ รถยนต์นั่งส่วนบุคคล รถยนต์กระบะ รถตู้ รถบรรทุกและรถใช้เพื่อการเกษตร โดยใช้สมุดคู่มือจดทะเบียนรถเป็นหลักประกันในการขอสินเชื่อ กำหนดการผ่อนชำระเป็นรายเดือนสำหรับลูกค้ารายย่อยบุคคลทั่วไป หรือชำระเมื่อครบกำหนดระยะเวลา 4 เดือนสำหรับลูกค้าเกษตร ด้วยอัตราดอกเบี้ยรวมค่าธรรมเนียมสูงสุดไม่เกินร้อยละ 24 ต่อปี แบบลดต้นลดดอก

2. สินเชื่อส่วนบุคคล (Personal Loan) สำหรับบุคคลทั่วไปที่มีรายได้ประจำที่แน่นอน อาทิ ข้าราชการ หรือ พนักงานบริษัท เป็นต้น โดยไม่ต้องใช้หลักประกันในการขอสินเชื่อ ให้วงเงินสินเชื่อสูงสุดไม่เกิน 100,000 บาทต่อราย กำหนดการผ่อนชำระเป็นรายเดือน ด้วยอัตราดอกเบี้ยรวมค่าธรรมเนียมสูงสุดร้อยละ 25 ต่อปี แบบลดต้นลดดอก

3. สินเชื่อรายย่อยเพื่อการประกอบอาชีพ (Nano Finance) เป็นสินเชื่อเพื่อนำไปใช้ประกอบอาชีพสำหรับบุคคลทั่วไป อาทิ พ่อค้า แม่ค้า ผู้ทำงานอาชีพอิสระ หรือผู้ที่มีรายได้ไม่แน่นอน โดยไม่ต้องใช้หลักทรัพย์ค้ำประกัน ให้วงเงินสินเชื่อสูงสุดไม่เกิน 100,000 บาทต่อราย กำหนดการผ่อนชำระเป็นรายเดือน ด้วยอัตราดอกเบี้ยรวมค่าธรรมเนียมสูงสุดร้อยละ 33 ต่อปี แบบลดต้นลดดอก

4. สินเชื่อเช่าซื้อและสินเชื่อรถแลกเงิน (Hire-Purchase and Car for Cash) สำหรับบุคคลทั่วไปที่ต้องการซื้อรถจักรยานยนต์ใหม่หรือต้องการนำรถยนต์มาเป็นหลักประกันในการขอสินเชื่อ โดยกำหนดระยะเวลาการผ่อนเป็นรายเดือนไม่เกิน 60 เดือน ด้วยวงเงินสินเชื่อสูงสุดไม่เกิน 350,000 บาท สำหรับรถยนต์และวงเงินสินเชื่อสูงสุดไม่เกิน 70,000 บาท สำหรับรถจักรยานยนต์

“เรามีความเข้าใจในความต้องการสินเชื่อของประชาชนเป็นอย่างดี โดยเรามีความแข็งแกร่งในด้านการให้บริการและจำนวนสาขาที่ครอบคลุมพื้นที่ภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และพร้อมขยายธุรกิจไปยังภูมิภาคอื่นๆ เพื่อเพิ่มศักยภาพสู่ผู้ให้บริการสินเชื่อระดับชาติต่อไป” ผศ.ดร.พูนศักดิ์ กล่าว

ด้าน นายศิวพงศ์ บุญสาลี กรรมการผู้จัดการ บมจ.ศักดิ์สยามลิสซิ่ง กล่าวว่า บริษัทฯ มีนโยบายการปล่อยสินเชื่อที่มีความรัดกุม โปร่งใส และเป็นธรรม โดยพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศของตนเองมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อการให้บริการอย่างมีประสิทธิภาพและรวดเร็ว ตั้งแต่การเสนอสินเชื่อ พิจารณาอนุมัติสินเชื่อ จัดทำสัญญา รับชำระหนี้ บริหารหนี้สูญ และการวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้าในเชิงลึก เพื่อสร้างความประทับใจให้แก่ลูกค้า

ซึ่งนโยบายและการบริหารงานดังกล่าว เกิดจากความเข้าใจในความต้องการสินเชื่อของลูกค้า ที่ต้องการแหล่งเงินทุนนำไปประกอบสัมมาชีพ ทำให้บริษัทสามารถเข้าถึงลูกค้าในระดับชุมชน จากการมีเครือข่ายสาขาที่ครอบคลุมการให้บริการมากถึง 519 สาขา ในภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันตก และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ รวม 38 จังหวัด (ณ วันที่ 30 มิ.ย.2563) ส่งผลทำให้ชื่อของ “สินเชื่อศักดิ์สยาม” เป็นที่รู้จักและยอมรับมาอย่างยาวนานจากผู้ใช้บริการกว่า 200,000 รายทั่วประเทศ

ทั้งนี้ บริษัทฯ วางแผนการขยายสาขาให้ครอบคลุมทั้งในระดับจังหวัด อำเภอ และตำบล โดยเพิ่มเป็น 1,119 สาขาภายในปี 2566 ซึ่งเป็นการตั้งเป้าขยายสาขาอย่างน้อยปีละ 200 สาขา โดยมุ่งเน้นให้มีสาขาอยู่ครอบคลุมอย่างทั่วถึงในทุกพื้นที่ และเพิ่มจำนวนสาขาในพื้นที่เดิมให้เข้าถึงในระดับชุมชน เพื่ออำนวยความสะดวกให้ประชาชนเข้าถึงบริการสินเชื่อที่มีมาตรฐานและความเป็นธรรมได้ง่ายขึ้น รองรับความต้องการของสินเชื่อที่มีโอกาสเติบโตได้อีกมาก

นายศิวพงศ์ กล่าวอีกว่า บริษัทฯ เตรียมเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ SET โดยจะเสนอขายหุ้นต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (หุ้น IPO) จำนวนไม่เกิน 546,000,000 หุ้น คิดเป็น 26.05% ของหุ้นทั้งหมดหลัง IPO ในหมวดอุตสาหกรรมธุรกิจการเงิน หมวดธุรกิจเงินมุนและหลักทรัพย์ ราคาพาร์ละ 1.00 บาท โดยมี บริษัทหลักทรัพย์ ธนชาต จำกัด (มหาชน) เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน

ในส่วนของผลการดำเนินงานในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา (ปี 2560-2562) บริษัทฯ มีอัตราการเติบโตของรายได้จากดอกเบี้ย ค่าธรรมเนียมและบริการ เฉลี่ย 31.6% ต่อปี จาก 924 ล้านบาท มาอยูาที่ 1,600 ล้านบาท ขณะที่งวดครึ่งเดือนแรกของปีนี้รายได้สินเชื่ออยู่ที่ 816 ล้านบาท เติบโต 10.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

สอดคล้องกับการขยายตัวของพอร์ตสินเชื่อในช่วงระยะเวลาเดียวกัน ที่เพิ่มขึ้นเฉลี่ยปีละ 33.5% จาก 3,725 ล้านบาท มาอยู่ที่ 6,637 ล้านบาท ในสิ้นปี 2562 โดย ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2563 บริษัทฯ มีพอร์ตสินเชื่อรวม 6,067 ล้านบาท จากจำนวนสัญญาสินเชื่อรวม 230,273 สัญญา แบ่งเป็นลูกหนี้ที่มีหลักประกัน 88% และลูกหนี้ไม่มีหลักประกัน 12% ของพอร์ตสินเชื่อรวม โดยมีอายุเฉลี่ยของพอร์ตสินเชื่อรถจักรยานยนต์ที่ 18-24 เดือน และสินเชื่อเกษตรกรที่ 4 เดือน

ขณะที่กำไรสุทธิในช่วงเวลาเดียวกันเติบโตเฉลี่ยปีละ 28.1% จาก 290 ล้านบาท มาอยู่ที่ 346 ล้านบาท ส่วนงวดครึ่งปีแรกของปีนี้มีกำไรสุทธิ 252 ล้านบาท เติบโต 30.9% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว

“เราตั้งเป้าสินเชื่อต่อจากนี้เติบโตอย่างน้อย 25% ต่อปี โดยจะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนไปขยายสาขาในพื้นที่เดิมและพื้นที่ใหม่ๆ รวมถึงลงทุนด้านเทคโนโลยีการวิเคราะห์ความเสี่ยง และการลงทุนทำแอปพลิเคชั้น” นายศิวพงศ์ กล่าว