บอร์ด THREL ไฟเขียวจ่ายปันผล 0.14 บาทต่อหุ้น รับกำไรQ4 สูงสุดในรอบ 2 ปี

“ไทยรีประกันชีวิต” โชว์ผลงานไตรมาส 4/63 กำไรสุทธิพุ่ง 202%  ค่าใช้จ่ายลด 7% จากเคลมประกัน-ตั้งสำรองพิเศษจบ หนุนเบี้ยรวมทั้งปีเกือบ 2,300 ล้านบาท มีกำไร 121 ล้านบาท บอร์ดไฟเขียวจ่ายปันผล 0.14 บาทต่อหุ้น ผนึก “Pacific Life” บริษัทรับประกันภัยต่อข้ามชาติ พัฒนาโปรดักส์เพิ่มโซลูชั่นใหม่ หวังอัพมาร์จิ้นสร้างการเติบโต

นายสุทธิ รจิตรังสรรค์ ผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ไทยรีประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) หรือ THREL เปิดเผยภาพรวมผลการดำเนินงานไตรมาส 4/63 ว่า บริษัทมีเบี้ยประกันภัยต่อที่ถือเป็นรายได้สุทธิ จำนวน 590 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6% เทียบจากช่วงเดียวกันปีก่อน ขณะที่ค่าใช้จ่ายลดลงกว่า 40 ล้านบาท หรือราว 7% จากค่าสินไหมที่ลดลงและการตั้งสำรองพิเศษได้สิ้นสุดทั้งหมดเมื่อกลางปีที่ผ่านมา ส่งผลให้กำไรจากการรับประกันภัยอยู่ที่ 70 ล้านบาท สูงสุดในรอบ 2 ปี หนุนกำไรสุทธิเกือบ 50 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 202% หรือกว่า 2 เท่า เมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันปีก่อน

นายสุทธิ รจิตรังสรรค์

ทำให้ภาพรวมทั้งปี 2563 บริษัทมีเบี้ยประกันภัยต่อที่ถือเป็นรายได้สุทธิเกือบ 2,300 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 121 ล้านบาท สวนกระแสภาพรวมอุตสาหกรรมประกันชีวิตที่ติดลบเกือบ 2% ตามแนวโน้มเศรษฐกิจหลังได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาด COVID-19 โดยที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท (บอร์ด) เมื่อวันที่ 19 ก.พ.64 ได้มีมติจ่ายปันผลงวดการดำเนินงานวันที่ 1 ม.ค.-31 ธ.ค.63 เป็นเงินสดในอัตรา 0.14 บาทต่อหุ้น ซึ่งสูงกว่าขั้นต่ำของนโยบายจ่ายเงินปันผลที่กำหนดไว้ไม่น้อยกว่า 40% ของกำไรสุทธิ

นายสุทธิ กล่าวต่อว่าว่า ล่าสุดบริษัทได้ลงนามความร่วมมือกับ “Pacific Life Re” บริษัทรับประกันภัยต่อในกลุ่มแปซิฟิก ไลฟ์ ประกันชีวิตและสุขภาพรายใหญ่จากสหรัฐอเมริกา เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์และโซลูชั่น เพิ่มทางเลือกใหม่ๆ อันเป็นการยกระดับศักยภาพอุตสาหกรรมประกันชีวิตไทย สอดรับแนวนโยบายสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว ด้วยการมองหาโอกาสผนึกความร่วมมือกับพันธมิตรรายใหม่ๆ พัฒนาผลิตภัณฑ์ เพื่อเพิ่มสัดส่วนธุรกิจประกันชีวิตประเภทร่วมพัฒนา (Non-conventional Reinsurance) ให้สูงขึ้นเป็น 60% ภายในระยะเวลา 3 ปี จากปัจจุบันที่มีสัดส่วนราว 48 : 52% เมื่อเทียบกับธุรกิจประกันชีวิต ประเภทดั้งเดิม (Conventional Reinsurance) และพร้อมเดินหน้าขยายตลาดต่างประเทศ เพื่อผลักดันอัตรากำไรให้เพิ่มสูงขึ้น สร้างการเติบโตอย่างมั่นคงต่อไป