ครม. ไฟเขียวโครงการประกันภัยข้าวนาปี ปี’64 “คลัง” ปรับลดเบี้ยประกัน

ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง เผย ครม. ไฟเขียวโครงการประกันภัยข้าวนาปี ปี’64 “คลัง” ปรับลดเบี้ยประกัน

วันที่ 30 มีนาคม 2564 นางสาวกุลยา ตันติเตมิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี ได้มีมติเห็นชอบโครงการประกันภัยข้าวนาปี ปีการผลิต 2564 เพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการบริหารจัดการความเสี่ยงจากภัยธรรมชาติให้แก่เกษตรกรผู้เพาะปลูกข้าวนาปี ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ โดยการดำเนินโครงการฯ ปีการผลิต 2564 มีรูปแบบและความคุ้มครองเช่นเดียวกับปีการผลิต 2563 และมีการปรับอัตราเบี้ยประกันภัยลดลง กล่าวคือ

1. ปรับอัตราเบี้ยประกันภัยลดลงสำหรับการประกันภัยพื้นฐานในส่วนที่ 1 (Tier 1) โครงการฯ ปีการผลิต 2564 ซึ่งมีอัตราเบี้ยประกันภัยสำหรับลูกค้าสินเชื่อเพื่อการเพาะปลูกข้าวนาปีของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) 96 บาท/ไร่ (ไม่รวมอากรแสตมป์และภาษีมูลค่าเพิ่ม) ลดลงจากโครงการฯ ปีการผลิต 2563 ที่มีอัตราเบี้ยประกันภัยสำหรับลูกค้า ธ.ก.ส. 97 บาท/ไร่ (ไม่รวมอากรแสตมป์และภาษีมูลค่าเพิ่ม) โดยมีพื้นที่เป้าหมาย จำนวนไม่เกิน 28 ล้านไร่ ซึ่งจะได้รับการอุดหนุนเบี้ยประกันภัยจากภาครัฐ 58 บาท และลูกค้าสินเชื่อ ธ.ก.ส. จะได้รับการอุดหนุนเบี้ยประกันภัยจาก ธ.ก.ส. อีก 38 บาท

2. ปรับอัตราเบี้ยประกันภัยลดลงสำหรับเขตพื้นที่ความเสี่ยงต่ำในส่วน Tier 1 ซึ่งมีอัตราเบี้ยประกันภัย 55 บาท/ไร่ ลดลงจากโครงการฯ ปีการผลิต 2563 ที่มีอัตราค่าเบี้ยประกันภัย 58 บาท/ไร่ โดยมีพื้นที่เป้าหมาย จำนวนไม่เกิน 16 ล้านไร่ สำหรับเขตพื้นที่ความเสี่ยงปานกลาง และสูงยังคงราคาเดิม คือ 210 บาท/ไร่ และ 230 บาท/ไร่ โดยมีพื้นที่เป้าหมาย จำนวนไม่เกิน 1 ล้านไร่ ซึ่งจะได้รับการอุดหนุนเบี้ยประกันภัยจากภาครัฐ 55 บาท

3. อัตราเบี้ยประกันภัยภาคสมัครใจ (Tier 2) สำหรับเกษตรกรสามารถขอเอาประกันภัยเพิ่มเติมได้เมื่อเอาประกันภัยในส่วน Tier 1 แล้ว โดยแบ่งอัตราค่าเบี้ยประกันภัยเป็น 3 อัตรา ตามระดับความเสี่ยงภัยในแต่ละพื้นที่ คือ 24 48 และ 101 บาท/ไร่ โดยมีพื้นที่เป้าหมาย จำนวนไม่เกิน 1 ล้านไร่ เช่นเดียวกับปีก่อน

4. วงเงินความคุ้มครองคงเดิม คือ วงเงินความคุ้มครองสำหรับ Tier 1 อยู่ที่ 1,260 บาท/ไร่ สำหรับภัยธรรมชาติทั้งหมด 7 ประเภท ได้แก่ 1) น้ำท่วมหรือฝนตกหนัก 2) ภัยแล้ง ฝนแล้งหรือฝนทิ้งช่วง 3) ลมพายุหรือพายุไต้ฝุ่น 4) ภัยอากาศหนาว หรือน้ำค้างแข็ง ลูกเห็บ 6) ไฟไหม้ 7) ช้างป่า สำหรับภัยศัตรูพืชหรือโรคระบาด อยู่ที่ 630 บาท/ไร่ และวงเงินความคุ้มครองสำหรับ Tier 2 อยู่ที่ 240 บาท/ไร่ สำหรับภัยธรรมชาติทั้งหมด 7 ประเภท และสำหรับภัยศัตรูพืชหรือโรคระบาด อยู่ที่ 120 บาท/ไร่

5. ระยะเวลาขายกรมธรรม์ประกันภัย กำหนดวันเริ่มจำหน่ายกรมธรรม์ประกันภัยตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติให้ความเห็นชอบโครงการฯ และกำหนดวันสิ้นสุดการขายกรมธรรม์แตกต่างกันตามภูมิภาค คือ

1) ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (กลุ่มที่ 1) จำนวน 42 จังหวัดกำหนดวันสิ้นสุดการขายกรมธรรม์ไม่เกินวันที่ 30 เมษายน 2564 2) ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (กลุ่มที่ 2) จำนวน 16 จังหวัด กำหนดวันสิ้นสุดการขายกรมธรรม์ไม่เกินวันที่ 31 พฤษภาคม 2564 3) ภาคตะวันตก จำนวน 5 จังหวัด กำหนดวันสิ้นสุดการขายกรมธรรม์ไม่เกินวันที่ 30 มิถุนายน 2564 4) ภาคใต้ จำนวน 14 จังหวัด กำหนดวันสิ้นสุดการขายกรมธรรม์ไม่เกินวันที่ 31 ธันวาคม 2564 ทั้งนี้ เกษตรกรสามารถซื้อกรมธรรม์ประกันภัยได้ที่ ธ.ก.ส. ทุกสาขา