ดัชนีเชื่อมั่นนักลงทุน “ร้อนแรง” ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4

การลงทุน
ภาพ : Pixabay

“สภาธุรกิจตลาดทุนไทย” เผยผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนช่วง มิ.ย.64 อยู่ในโซน “ร้อนแรง” ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 “รายย่อย-โบรกเกอร์ฯ-กองทุน-ต่างชาติ” เชื่อมั่นสถานการณ์โควิด-19 ในประเทศ พร้อมคาดหวังเงินทุนไหลเข้า-กำไร บจ.ฟื้นตัว” มากที่สุด

วันที่ 2 เมษายน 2564 นายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย เปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน (FETCO Investor Confidence Index) จากผลสำรวจในเดือนมีนาคม 2564 พบว่า ดัชนีในอีก 3 เดือนข้างหน้า (มิ.ย. 64) อยู่ที่ระดับ 145.55 ปรับตัวลดลง 4.4% จากเดือนก่อน ยังคงอยู่ในเกณฑ์ “ร้อนแรง” ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4

นักลงทุนคาดหวังการคลี่คลายสถานการณ์โควิด-19 จากการกระจายวัคซีนเป็นปัจจัยหนุนมากที่สุด รองลงมาคือการไหลเข้าของเงินทุน และผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน สำหรับปัจจัยที่ฉุดความเชื่อมั่นนักลงทุนมากที่สุด ได้แก่ สถานการณ์ระบาดโควิด-19 ที่ยังระบาดในหลายประเทศ รองลงมาคือการท่องเที่ยว และสถานการณ์การเมืองในประเทศ

โดยความเชื่อมั่นกลุ่มนักลงทุนบุคคลปรับตัวลดลง 1% อยู่ที่ระดับ 139.47 กลุ่มบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ปรับตัวเพิ่มขึ้น 35% อยู่ที่ระดับ 154.55 กลุ่มนักลงทุนสถาบันในประเทศปรับตัวเพิ่มขึ้น 16% อยู่ที่ระดับ 150.00 และกลุ่มนักลงทุนต่างชาติปรับตัวลดลง 18% อยู่ที่ระดับ 150.00

นักลงทุนสนใจลงทุนในหมวดอาหารและเครื่องดื่ม (FOOD) มากที่สุด รองลงมาคือหมวดการท่องเที่ยวและสันทนาการ (TOURISM) และหมวดปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์ (PETRO) ขณะที่นักลงทุนเห็นว่าหมวดเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ICT) ไม่น่าสนใจลงทุนมากที่สุด  รองลงมาคือหมวดแฟชั่น (FASHION) และหมวดการท่องเที่ยวและสันทนาการ (TOURISM)

ในช่วงต้นเดือนมีนาคม 2564 ดัชนี SET index ปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง จากปัจจัยบวกด้านความคืบหน้าของการทยอยฉีดวัคซีนในประเทศ โดยในช่วงกลางเดือนมีปรับตัวลงบ้างเล็กน้อย จากอัตราราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ปรับตัวลดลง ช่วงครึ่งเดือนหลังดัชนีปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากข่าวดีในประเทศ

อาทิ การออกมาตรการทางการเงินเพิ่มเติมเพื่อให้ความช่วยเหลือฟื้นฟูผู้ประกอบธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดโควิด ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และกระทรวงการคลังวงเงินรวม 3.5 แสนล้านบาท และการออกแนวทางการผ่อนปรนการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดย ณ สิ้นเดือนมีนาคม SET Index ปิดที่ 1,587.21 จุด ปรับตัวเพิ่มขึ้น 6.04% จากเดือนก่อนหน้า

ทั้งนี้ปัจจัยต่างประเทศที่น่าติดตาม ได้แก่ ผลการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกา ขนาด 1.9 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งจะเอื้อต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ และเป็นกำลังขับเคลื่อนสำคัญของการฟื้นตัวเศรษฐกิจโลก แต่อาจส่งผลต่อความกังวลของนักลงทุนจากการคาดการณ์ภาวะเงินเฟ้อในสหรัฐฯ ซึ่งสะท้อนผ่านอัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาวสหรัฐ (Bond Yield) ที่ปรับตัวสูงขึ้นทั้งในสหรัฐฯ และในหลายประเทศทั่วโลก

นอกจากนี้ การแข่งขันทางการค้าและเทคโนโลยีระหว่างจีนและสหรัฐฯ รวมถึงเหตุการณ์ความไม่สงบจากปัญหาการเมืองในเมียนมาเป็นปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ในส่วนของปัจจัยในประเทศ ได้แก่ อัตราเร่งในการฉีดวัคซีนให้ครอบคลุมประชากรโดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง ซึ่งหากล่าช้าจะส่งผลกระทบโดยตรงต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย การบริหารจัดการของภาครัฐในการควบคุมพื้นที่ที่มีผู้ติดเชื้อโควิด-19 จากการตรวจค้นหาเชิงรุก ผลของการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติในกลุ่มจังหวัดนำร่อง และสถานการณ์การเมืองในประเทศ