EXIM BANK ตั้งสำรองหนี้เสียกว่า 1.2 หมื่นล้านบาท

EXIM BANK ตั้งสำรองหนี้เสียกว่า 1.2 หมื่นล้านบาท รับมือโควิด ฉุดกำไรสุทธิ Q1 เหลือ 92 ล้านบาท

วันที่ 5 พ.ค. 2564 ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานของธนาคารในช่วง 3 เดือนแรกของปี 2564 (มกราคม-มีนาคม) ว่า ในภาวะที่เศรษฐกิจไทยและเศรษฐกิจโลกยังฟื้นตัวไม่เต็มที่จากการแพร่ระบาดของโควิด-19 EXIM BANK ได้ขยายบทบาทสนับสนุนผู้ประกอบการไทยในด้านการเงิน ทั้งสินเชื่อและประกัน และด้านที่ไม่ใช่การเงินเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมีสินเชื่อคงค้าง 134,412 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8,276 ล้านบาท หรือร้อยละ 6.56 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

แบ่งเป็นสินเชื่อเพื่อการค้า 31,648 ล้านบาท และสินเชื่อเพื่อการลงทุน 102,764 ล้านบาท การให้สินเชื่อของ EXIM BANK ทำให้เกิดปริมาณธุรกิจ (Business Turnover) 42,246 ล้านบาท ซึ่งในจำนวนนี้เป็นปริมาณธุรกิจของผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) เท่ากับ 14,399 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 34.08

ด้านการสนับสนุนการค้าและการลงทุนของไทยในต่างประเทศ ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2564 EXIM BANK มีวงเงินสนับสนุนแก่สินเชื่อโครงการระหว่างประเทศรวม 92,907 ล้านบาท โดยเป็นสินเชื่อคงค้างจำนวน 60,145 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8,605 ล้านบาท หรือร้อยละ 16.69 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

ในจำนวนนี้ เป็นสินเชื่อคงค้างเพื่อสนับสนุนผู้ประกอบการที่ส่งออกและลงทุนในตลาดใหม่ (New Frontiers) ซึ่งรวมถึงกลุ่ม CLMV จำนวน 43,485 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4,273 ล้านบาท หรือร้อยละ 10.90 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการสนับสนุนให้ผู้ประกอบการไทยรุกตลาดใหม่ โดยเฉพาะเวียดนามที่มีเสถียรภาพและอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจสูง

ด้านการให้บริการประกันการส่งออกและการลงทุน เพื่อเพิ่มความมั่นใจให้แก่ผู้ส่งออกและนักลงทุนไทย ท่ามกลางความเสี่ยงจากการได้รับชำระเงินล่าช้าหรือปฏิเสธการชำระเงินค่าสินค้าจากผู้ซื้อในต่างประเทศ ในช่วง 3 เดือนแรกของปี 2564 EXIM BANK มีปริมาณธุรกิจด้านการรับประกันการส่งออกและการลงทุนเท่ากับ 52,366 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 15,676 ล้านบาท หรือร้อยละ 42.73 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
ในไตรมาสที่ 1 ปี 2564 EXIM BANK มีกำไรจากการดำเนินงานเท่ากับ 502 ล้านบาท

แต่ผลกระทบจากโควิด-19 ทำให้ EXIM BANK มีอัตราส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ต่อสินเชื่อรวม (NPL Ratio) ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2564 ร้อยละ 4.19 โดยมี NPLs จำนวน 5,625 ล้านบาท และค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น (Expected Credit Loss) จำนวน 12,396 ล้านบาท คิดเป็นอัตราส่วนค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นต่อ NPLs (Coverage Ratio) สูงถึงร้อยละ 220.36 ซึ่งเป็นระดับที่แข็งแกร่ง ทำให้ EXIM BANK มีกำไรสุทธิในช่วงเดือนมกราคม-มีนาคม 2564 เท่ากับ 92 ล้านบาท

“ในปี 2564 EXIM BANK จะทำหน้าที่เป็น ‘เครื่องยนต์รุ่นใหม่’ ช่วยผลักดันให้เศรษฐกิจไทยและภาคการส่งออกเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว โดยขับเคลื่อนแบบ 2 เครื่องยนต์ (Twin Turbo) ได้แก่ การเป็น ‘ธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งประเทศไทย (Thailand Development Bank)’ เพื่อสร้างการลงทุนไทยทั้งในประเทศและต่างประเทศให้เติบโตอย่างยั่งยืน

ควบคู่กับการเป็น ‘ศูนย์บริการครบวงจรเพื่ออำนวยความสะดวกทางการค้าระหว่างประเทศให้แก่ SMEs (One Stop Trading Facilitator for SMEs)’ เพื่อสร้างนักรบเศรษฐกิจไทย ซึ่งรวมถึงการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการที่ตอบโจทย์แนวโน้มใหม่ ๆ เพื่อสนับสนุนผู้ประกอบการ และดำเนินมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการท่ามกลางสภาวะแวดล้อมทางธุรกิจที่ยังคงมีความไม่แน่นอนสูง” ดร.รักษ์กล่าว